Daily Market Outlook (12 ม.ค.60)

Daily Market Outlook (12 ม.ค.60)

Trump ทำให้ตลาดผิดหวัง

คาดหุ้นไทยขยับขึ้นวันนี้ หลังจากที่ Donald Trump ไม่ได้แถลงเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจที่เคยหาเสียงไว้ในการแถลงข่าวครั้งแรก ทั้งในประเด็นบวกและลบ Trump ทำให้นักลงทุนที่รอฟังข่าวบวกเกี่ยวกับการลดภาษีและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานผิดหวัง แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้กล่าวถึงมาตรการภาษีนำเข้าที่ผู้ที่ไม่ชอบนโยบายปกป้องทางการค้ากลัวเกรง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นแรงจากซาอุดิอเรเบียลดการส่งออกน้ำมันให้เอเชีย และเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าน่าจะหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน ภายในประเทศ น้ำท่วมภาคใต้ยังเป็นประเด็นสนใจที่สุด โดยที่ธปท. มองว่า เกษตรกรเป็นผู้รับผลกระทบมากที่สุดและรัฐบาลกำลังจัดสรรเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดการณ์ส่งออกดีขึ้นปีนี้โต 1.3-4.2%

หุ้นเด่นวันนี้: TTCL (ราคาปิด 20.60 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมายปี 60 ของ AWS 28.50 บาท)

เลือก TTCL เป็น Pick of the day โดยเราคาดว่าจะเห็นการลงทุนของภาคเอกชนในประเทศเร่งตัวขึ้นในช่วงปี 2559-2561 โดยเฉพาะภาคการลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมี ทำให้ TTCL ซึ่งเชี่ยวชาญด้านงานรับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจร (EPC) ในธุรกิจปิโตรเคมีปิโตรเลียม และโรงไฟฟ้า โดยล่าสุด TTCL แจ้งลงนามแจ้งจำนงสำหรับงานก่อสร้างโครงการใหม่ในประเทศ มูลค่างาน 500-600 ล้านบาท จาก Thai MMA (บริษัทร่วมทุนในเครือ SCC) ที่จังหวัดระยอง ระยะเวลาก่อสร้าง 2560-2561 แม้ว่างานนี้จะมีขนาดเล็ก เมื่อเทียบกับงานในมือของTTCL ซึ่งมีอยู่ 21,000 ล้านบาท แต่ถือว่าส่งสัญญาณเชิงบวกในเรื่องการขยายงานของธุรกิจพลังงานและปิโตรเคมีที่ซบเซามาแล้ว 2 ปี นอกจากนี้ ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาร์ก็เริ่มมีความพร้อมที่จะการลงทุนด้านธุรกิจไฟฟ้าและปิโตรเคมี เรายังคงแนะนำซื้อTTCL ประเมินมูลค่าเหมาะสมของ TTCL ไว้ 28.50 บาทต่อหุ้น (sum-of-the-parts) อิงธุรกิจก่อสร้าง 23.50 บาท (DCF 81 ปี, WACC7.7%) และโรงไฟฟ้าในพม่าขนาด 120 MW อีก 5.00 บาทต่อหุ้นโดยยังมี Upside จากราคาเป้าหมายราว 36% ซึ่งกำไรของปี 2559, 60 และ 61 เติบโตในระดับ 21%, 18% และ 10% ตามลำดับขณะที่ TTCL รอความชัดเจนของโรงไฟฟ้าถ่านหินในพม่า 1,280 MW ซึ่งขณะนี้ยังไม่คืบหน้าเพิ่ม เนื่องจากรัฐบาลพม่ายังไม่อนุมัติ PPA (สัญญาซื้อขายไฟฟ้า) อย่างไรก็ตาม เราเห็นว่านโยบายของ ปธน.สหรัฐฯ เกี่ยวกับการกลับมาใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล อาจเปลี่ยนมุมมองเรื่องนโยบายพลังงานของประเทศเกิดใหม่อย่างเมียนมาร์ได้ด้วย Price Pattern ของ TTCL มีความแข็งแกร่งในระยะสั้นจากการเกิด Daily Buy Signal แต่แนวโน้มหลักยังอยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) จากการเกิดทั้ง Weekly & Monthly Sell Signal อย่างไรก็ตามแนวโน้มหลักของ TTCL จะเปลี่ยนไปเมื่อสามารถปิดตลาดรายสัปดาห์ได้เหนือ 21.10 บาท และสามารถปิดตลาดรายเดือนได้เหนือ 22.20 บาท เนื่องจากการกลับมาเกิดทั้ง Weekly & Monthly Buy Signal ครั้งใหม่ ตามลำดับ ทั้งนี้มีเป้าหมายแรกอยู่ที่ 24.30 บาท และมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 30.25 บาท มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 19.30 บาท (Resistance: 20.70, 21.00, 21.40; Support: 20.40, 20.10, 19.70)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• ธนาคารโลกคงคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 60 เติบโต 3.2% เพราะราคาโภคภัณฑ์ฟื้นตัว ความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งขึ้น และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันยังคาด GDP ปี 59 ไว้ที่ 3.1% และให้ความเห็นว่าการที่ Fed มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยอาจเป็นแรงกดดันมากขึ้นต่อประเทศโซนเอเชียตะวันออกและแปซิฟิค เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซียเพราะเงินกู้ระยะสั้นจำนวนมากอยู่ในรูปสกุลเงินต่างประเทศ แต่ผลกระทบสำหรับประเทศไทยน่าจะน้อยกว่า (Bangkok Post) ความเห็น: ทางเรามองบวกกว่าธนาคารโลกเล็กน้อย โดยคาดว่าการเติบโตของ GDP ในปี 59 และ 60 จะเท่ากับ 3.3% และ 3.5% ตามลำดับ

• น้ำท่วมกระทบการเกษตรมากกว่าท่องเที่ยว ธปท. คาดว่าภาคการเกษตรน่าจะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมภาคใต้ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวน่าจะได้รับผลกระทบในวงจำกัด แม้ยังไม่มีผลออกมาว่าน้ำท่วมสร้างความเสียหายเท่าไหร่ แต่เบื้องต้นก็คาดว่าผลผลิตยางจะร่วงลงไป 20% YoYใน ม.ค. ขณะที่ปาล์มน้ำมันส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้และในส่วนที่เก็บเกี่ยวไปแล้วก็มีผลผลิตค่อนข้างน้อย (Bangkok Post) ความเห็น: สำหรับผู้ผลิตยาง เราคาดว่า STA (24 บาท) จะได้ผลบวกจากน้ำท่วมเพราะไม่ได้ท่วมถึงโรงงานของบริษัทและอุปทานที่ขาดแคลนน่าจะหนุนราคาให้สูงขึ้น

• ม.หอการค้าไทยมองส่งออกไทยปีนี้ฟื้นตัวกลับมาโต 2.8% มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประเมินทิศทางการส่งออกของไทยปี 60 ว่า จะสามารถกลับมาขยายตัวได้ในระดับ 2.8% ในกรอบการขยายตัว 1.3% ถึง 4.2% จากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มทิศทางฟื้นตัว การอ่อนลงของค่าเงินบาท รวมถึงราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นแต่ยังคงจะอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตามมีประเด็นและความเสี่ยงที่ต้องจับตา ได้แก่ การชะลอตัวเศรษฐกิจจีน การกีดกันทางการทางค้าของ Trump ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยุโรป เช่น Brexitรวมไปถึงการเลือกตั้งของประเทศในกลุ่ม EU ต่างๆ (Bangkok Post)

• คลังพิจารณาสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำช่วยเหลือผู้ได้รับกระทบจากน้ำท่วม นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.อยู่ระหว่างการหารือกับธนาคารเฉพาะกิจของรัฐเพื่อออกมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อช่วยฟื้นฟูลูกค้าของธนาคารที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมในภาคใต้ โดยเบื้องต้นต้องการให้ปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า 3% (Bangkok Post)

• SPALI (26.00 บาท) ตั้งเป้าปี 2560 รายได้ 2.45 หมื่นล้านบาท Presales 2.7 หมื่นล้านบาท เปิด 29 โครงการใหม่ 3.7 หมื่นล้านบาท เตรียมงบลงทุนราว 8 พันล้านบาทเพื่อซื้อที่ดินใหม่ (อินโฟเควสท์) ความเห็น: SPALI สามารถทำได้ตามเป้าหมายปี 2559 ที่ตั้งไว้ คือ Presales 2.45 หมื่นล้านบาท ปี 2560 จึงมีการเติบโต 10% และยังมี Backlog ในมือคงเหลือมากถึง 3.45 หมื่นล้านบาท เราคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้นของ SPALI ปี 2559 เท่ากับ 2.90 บาท และปี 2560 เท่ากับ 3.20 บาท ราคาเป้าหมายปี 60 เท่ากับ 32 บาท อิงค่าเฉลี่ย PER 10 เท่า แนะนำซื้อ โดยในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เราเลือก SPALI และ ANAN เป็น Top Pick ซึ่งเป็นเพียงสองบริษัทที่ทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2559 ที่เหลือมีการปรับลดเป้าหมาย หรือทำได้ไม่ถึงเป้าหมาย

ต่างประเทศ:

• ทรัมป์ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐไม่ได้ให้รายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ เขากล่าวถึงการแฮ็กข้อมูลของรัสเซีย ผลประโยชน์ทางธุรกิจ และการกำหนดราคายา อย่างไรก็ตาม ในงานแถลงข่าวไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการปรับลดภาษีและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้คนให้ความสนใจ (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนเทียบกับสกุลเงินหลักเมื่อวันพุธสวนกับก่อนหน้านี้ที่แข็งค่าขึ้นหลังจากทรัมป์ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ซึ่งก่อนหน้านี้แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ก่อนการแถลงข่าวที่ระดับ 102.950 ได้ดิ่งลงสู่ระดับ 101.280 ต่ำสุดนับแต่วันที่ 14 ธ.ค. ก่อนที่จะปิดลดลง 0.15% ที่ระดับ 101.860 เงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.6% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐและปิดที่ระดับ 1.0622 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง 1.3% เทียบกับเงินเยน สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนที่ 114.26 เยน (Reuters)

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลงเมื่อวันพุธ เนื่องจากทรัมป์ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการปรับลดภาษีและการใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่คนจับตามอง ส่งผลให้เกิดแรงซื้อพันธบัตรมากขึ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีปรับตัวลง 0.5 bps อยู่ที่ระดับ 2.374% และเทรดกันในอัตราผลตอบแทนที่ต่ำถึง 2.329% ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดนับแต่วันที่ 30 พ.ย. หลังจากการประมูลพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประมูลพันธบัตรมูลค่า 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์นี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีปรับตัวลงใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนที่ระดับ 2.926% ก่อนปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2.961% ลดลง 1 bps เมื่อวานนี้ (Reuters)

• กรมอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่นเผยเมื่อวานว่าปรากฎการณ์ลานีญาครั้งล่าสุดคาดว่าจะสิ้นสุดในเร็ว ๆ นี้ โดยมีโอกาส 70% สภาวะอากาศปกติจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปรากฎการณ์ลานีญาซึ่งมีแนวโน้มเกิดขึ้นทุก ๆ 2-7 ปี เป็นสภาวะอากาศที่มีอุณหภูมิหนาวเย็นผิดปกติในมหาสมุทรแปซิฟิกแถบศูนย์สูตร ความเห็นดังกล่าวตรงกับการพยากรณ์อากาศของรัฐบาลสหรัฐเช่นกัน ซึ่งได้กล่าวในเดือนที่แล้วว่าปรากฎการณ์ลานีญาได้อ่อนกำลังลงในขณะนี้และจะค่อย ๆ สลายตัวในเดือนต่อ ๆ ไป (Reuters)


สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกเมื่อวันพุธ ถึงแม้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐจะไม่ได้ให้ความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายทางการคลังในงานแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวานนี้ก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากที่ทรัมป์ได้กล่าวโจมตีอุตสาหกรรมยาเกี่ยวกับการตั้งราคายาที่สูง (Reuters)

ยุโรป:

• ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันพุธอ่อนตัวลงจากจุดสูงสุดหลังถ้อยแถลงของ Donald Trumpกดดันให้หุ้นกลุ่มยาและเภสัชภัณฑ์ปรับตัวลดลง (Reuters) 

เอเชีย:

• รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังวางแผนขั้นตอนทางกฎหมายที่จะช่วยให้จักรพรรดิ Akihito สละราชสมบัติให้พระราชโอรสขึ้นครองราชย์ในช่วงสองปีนี้:อาจเป็นครั้งแรกที่มีการสละราชสมบัติในช่วงสองศตวรรษ จักรพรรดิญี่ปุ่น Akihito พระชนม์พรรษา 83 ปี บอกเป็นนัยในเดือนสิงหาคมว่าพระองค์อยากจะสละราชบัลลังก์ เนื่องจากอายุเป็นเรื่องยากสำหรับการปฏิบัติพระราชกรณียกิจของพระองค์อย่างเต็มที่ (Reuters)

• ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนจะโปรโมทแนวคิด "โลกาภิวัตน์รวม" ในเดือนนี้ใน World Economic Forum (WEF) ที่เมืองดาวอส สวิสเซอร์แลนด์:โดยจะเตือนว่าแนวทางประชานิยมจะนำไปสู่ "สงครามและความยากจน" งานฟอรั่มในปีนี้จะจัดในวันที่ 17-20 มกราคมคาดว่าจะถูกครอบงำโดยการอภิปรายอย่างเผ็ดร้อนของความไม่เป็นมิตรที่มีต่อกระแสโลกาภิวัตน์และการขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของ Donald Trump ซึ่งยากที่จะพูดคุยเกี่ยวกับการค้าโดยรวม รวมถึงคำมั่นสัญญาที่จะเก็บภาษีศุลกากรในอัตราที่สูงกับประเทศจีนและเม็กซิโก ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ทำให้เขาเขาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• น้ำมันดิบบวกวันพุธ มากสุดในรอบหนึ่งเดือน หนุนโดยดอลลาร์ที่อ่อนค่าตามการแถลงข่าวของ Donald Trump ประธานาธิบดีและข่าวว่าซาอุฯ จะลดการส่งออกมาเอเชีย น้ำมันดิบ Brent ล่วงหน้าบวก 1.76 ดอลลาร์สหรัฐหรือ +3.3% ปิด 55.40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าบวก 1.73 ดอลลาร์สหรัฐหรือ +3.4% ปิด 52.55 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)

• ราคาทองคำวิ่งแตะจุดสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ในวันพุธ เพราะดอลลาร์อ่อนค่าและผลตอบแทนพันธบัตรร่วงหลังการแถลงข่าวโดย Donald Trump ที่ออกมาแถลงเป็นอย่างเป็นทางการครั้งแรกหนึ่งวันก่อนนั่งเก้าอี้ ราคาทองคำตลาดจรปิดบวก 0.4% ที่ 1,192.61 ดอลลาร์สหรัฐ แตะจุดสูงสุดนับแต่ 23 พ.ย. ราคาทองคำล่วงหน้าปิดบวก 0.9% ที่ 1,196.6 ดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)