MORNING CALL ACTION NOTES (10 ม.ค.60)

MORNING CALL ACTION NOTES (10 ม.ค.60)

รอย่อ เล่นรีบาวด์

ตลาดหุ้นไทยวานนี้ถูกแรงขายทำกำไรตามสัญญาณเทคนิคเนื่องจากดัชนีดีดตัวขึ้นต่อเนื่องราว 4.7% จนเข้าเขต Overbought โดยทั้งนี้เป็นแรงขายในกลุ่ม COMM ICT และ FIN ส่งผลให้ SET ปิดที่ 1,564.08 จุด (-7.40 จุด) Vol. 5.3 หมื่นลบ.โดย Foreign Net +1,581 ลบ. TFEX Net -4,016 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ Foreign Net Buy 6 วันราว 1.6 หมื่นลบ. สอดคล้องกับเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าในระยะสั้นล่าสุด 35.6 Bath/USD 

+ คลังเตรียมเสนอมาตรการซอฟต์โลนช่วยเหลือเอสเอ็มอี ขณะที่ครม.จัดงบซ่อมถนนเข้าครม. (ข่าวหุ้น)

- ตลาดหุ้น DJ ปรับตัวลงจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลง 3.8%

- ราคาน้ำมันปรับตัวลงล่าสุด 52.1 US/Barrel หลังจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้น 4 แท่น สู่ 529 แท่น ซึ่งเพิ่มขึ้น 10 สัปดาห์ติดต่อกัน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 850-875 แท่นในปลายปีนี้

- ประธานเฟดบอสตันเรียกร้อง FED เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย หวั่นเกิดความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ หลังอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นสู่เป้าหมายที่ 2%

+/- โกลด์แมน แซคส์ คาดดอลลาร์พุ่งแตะระดับ 1.00 ยูโรในปีนี้ จากแรงหนุนเฟดขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้ง (ในเดือนมิ.ย., ก.ย. และธ.ค.) ส่วน ECB ยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน

** 11 – 20 ม.ค. ติดตามการประกาศงบกลุ่มธนาคาร คาดกำไรกลุ่มธนาคารปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อขยายตัวโดดเด่น

แม้ว่ากระแส Fund Flow ต่างชาติจะยังคงเป็น Net Buy ต่อเนื่อง แต่ปัจจัยลบจากราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลงแรงราว 3.8% รวมถึงกระแสความกังวล FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้น เป็นตัวถ่วงดัชนี ดังนั้นคาดว่า SET จะอ่อนตัวลงโดยมีแนวรับบริเวณ 1,555 - 1,560 จุด 

กลยุทธ์การลงทุน Selective Buy กลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- กลุ่มเหล็ก ราคาเหล็กรีดร้อนโลกสูงสุดในรอบ 2 ปี ล่าสุด 625 US/Ton

- กลุ่มธนาคาร Valuation น่าสนใจ โดย P/E 11.1 เท่า P/BV 1.2 เท่า และ Div Yield 3.1% (โดย SCB เป็น Top pick ของกลุ่ม)

- กลุ่มอสังหาฯ เก็งข่าวคลังเตรียมออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯรอบ 2 หลังตลาดซบเซา ลุ้นลดค่าธรรมเนียมการโอน จาก 2% เหลือ 0.01% และค่าจดจำนอง 1% เหลือ 0.01% พร้อมหักลดหย่อนภาษีเงินได้ (ข่าวหุ้น)

- กลุ่มวัสดุก่อสร้าง อานิสงส์การซ่อมแซมบ้าน และถนนน้ำท่วมภาคใต้

Analyst Meeting

SAWAD (ราคาปิด 40 ราคาเหมาะสม IAA consensus 57)

- SAWAD ยื่นทำเทนเดอร์ฯ หุ้นทั้งหมดของ BFIT หุ้นละ 11.42 บาท(คิดเป็น 1.1 เท่าของ BV) แบบมีเงื่อนไขคือ 1)เข้าซื้อหุ้นจากน.ส.นริศรา กิจพิพิธจำนวน 53 ล้านหุ้นคิดเป็น 26.51% ราคาหุ้นละไม่เกิน 10.50 บาท 2) ได้รับคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของผถห.ที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง (วันประชุม 8 มี.ค. 60 XM 17 ม.ค. 60)

- บริษัทมีแผนปรับโครงสร้างในการโอนธุรกิจบางส่วนได้แก่ธุรกิจสินเชื่อแบบมีหลักประกันทุกชนิดรวมถึงสาขาทั้งหมดให้กับบจ.ศรีสวัสดิ์2014 ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้น 97% เพื่อเปลี่ยนสถานะเป็นโฮลดิ้ง โดยให้ “ศรีสวัสดิ์2014” ให้บริการสินเชื่อแบบมีหลักประกัน บริหารสาขาและเป็นตัวแทนสินเชื่อ ส่วน BFIT จะบริการสินเชื่อที่ไม่ทับซ้อนกับศรีสวัสดิ์2014 ด้านสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกัน ส่วนบจ.เงินสดทันใจทำธุรกิจสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์อย่างเดียวจากเดิมที่ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกันด้วย โดยจะดำเนินการหลังจากธปท.เห็นชอบ คาดจะแล้วเสร็จภายในปี 60

- ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกต่อการควบรวมกิจการต่อปัจจัยพื้นฐานระยะยาวของ SAWAD ในการมีต้นทุนทางการเงินต่ำลงเนื่องจาก BFIT สามารถระดมเงินฝากจากประชาชนซึ่งบริษัทมีแผนระดมเงินจากลูกค้ากลุ่ม High networth การขยายฐานไปสู่การปล่อยสินเชื่อ SME และช่วยลดความเสี่ยงจากการออกกฏหมายกำกับดูแลที่เข้มงวดมากขึ้น (ร่างพ.ร.บ.ห้ามเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราใกล้มีผลบังคับใช้)

หุ้นมีข่าว

- BEM (ราคาปิด 7.50 ราคาเหมาะสม 7.40) วางเป้ารายได้ธุรกิจรถไฟฟ้าโต 5-6% และธุรกิจทางด่วนโต 2-3% หลังเตรียมรับรู้รายได้จาก 2 โครงการใหม่เข้ามาเต็มปี แย้มการเจรจารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนขยายช่วงหัวลำโพง-บางแค ได้ข้อสรุป เหลือชงเข้าที่ประชุมครม.อนุมัติ (ที่มาทันหุ้น)

- KTB (ราคาปิด 18.40 ซื้อ ราคาเหมาะสม 20.60) มองสินเชื่อรวมปี 2560 ปรับตัวดีขึ้นจากแรงหนุนการลงทุนภาครัฐ พร้อมเดินหน้าขยายฐานลูกค้ารายใหญ่ หวังดึงใช้ผลิตภัณฑ์การเงินเพิ่มมากขึ้น ขณะที่การตั้งสำรองหนี้ในปี 2560 ขอรอดูสถานการณ์อีกครั้ง แต่ยังมีเป้าหมายเพิ่ม Coverage Ratio สู่ระดับ 130-140% (ทันหุ้น)

  ความเห็น : 11M59 สินเชื่อสุทธิ หดตัว 7.9%YTD แย่ที่สุดในกลุ่มแบงก์ขนาดใหญ่ หากปี 60 ที่มีการประมูลโครงการขนาดใหญ่เป็นจำนวนและคาดจะเริ่มก่อสร้างช่วงครึ่งหลังของปี ส่งผลให้สินเชื่อมีโอกาสเติบโตสูงจากฐานที่ต่ำในปี 59 NPL มีแนวโน้มลดลงจากลูกหนี้กลุ่ม SSI ที่กลับสู่ภาวะปกติส่งผลให้ Coverage Ratio ปลายปี 59 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากระดับ 106% ณ ปลาย Q3/59 (รอดูตัวเลขจริงหลังประกาศงบการเงินปี 59 ภายใน 21 ม.ค.)

- FER เผยผถห.ไฟเขียวซื้อ"สตาร์ แก๊ส"ต่อยอดธุรกิจพลังงานเพิ่มรายได้หนุนโตแกร่ง

- SMART คาดปีนี้ขาดทุนต่อเนื่องจากปี 59 แม้มองรายได้โต 5% แต่การใช้กำลังผลิตยังไม่ถึงจุดคุ้มทุน

- PTG คาดเริ่มสร้าง รง.เอทานอลร่วมทุนในปี 61 เริ่มผลิตปี 63 พร้อมเจรจาจับมือพันธมิตรผลิตจากโมลาส

- TACC เปิดตัวเครื่องดื่มชูกำลัง"จั๊มพ์สตาร์ท"เจาะตลาดกัมพูชาตั้งแต่ 5 ม.ค.60

- "อภิชัย เตชะอุบล"เก็บหุ้น HOTPOT จำนวน 5.62% ถือเพิ่มเป็น 19.45%

- ITD ได้งานก่อสร้าง 2 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 3.58 พันลบ.

- BKD ข่าวดีล้นมือ งบไตรมาส 4/59 แกร่งกำไรแรง 70 ล้านบาท ฟากปี 60 จ่อปิดดีลขายที่ดินกรุงเทพกรีฑา บุ๊คกำไรพิเศษ 320 ล้านบาท ช่วยหนุนบริษัทจ่ายปันผลพิเศษ (ข่าวหุ้น)

ตลาดหุ้นดาวโจนส์ -76.42 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,887.38 จุด ลดลง 76.42 จุด หรือ -0.38% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,268.90 จุด ลดลง 8.08 จุด หรือ -0.35% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,531.82 จุด เพิ่มขึ้น 10.76 จุด หรือ +0.19% เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงเกือบ 4% ได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย อย่างไรก็ตาม ดัชนี NASDAQ ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มกลุ่มสุขภาพ ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของธนาคารรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน และแบงก์ ออฟ อเมริกา

ตลาดน้ำมัน NYMEX -2.03 USD/Barrel

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 2.03 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 51.96 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะบ่อน้ำมันของสหรัฐรายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 10 สัปดาห์ ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่า การที่สหรัฐเพิ่มการขุดเจาะและผลิตน้ำมัน จะส่งผลกระทบต่อความพยายามของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในการปรับลดกำลังการผลิต