ถึงเวลาตุน 'หุ้นปันผล​' เกิน4%เข้าพอร์ต

ถึงเวลาตุน 'หุ้นปันผล​' เกิน4%เข้าพอร์ต

เปิดตลาดหุ้นปี60 หุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 2% โบรกเกอร์จึงแนะนำเน้นลงทุนหุ้นที่จ่ายปันผล "เกิน4%"

หลังจากเปิดปี 2560 ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องไปทำจุดสูงสุดที่ราว 1,575 จุด เพิ่มขึ้นจากปี 2559 เกือบ 2% ส่งผลให้ราคาหุ้นของหลายๆ บริษัทปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง จนใกล้เต็มมูลค่าเป้าหมายที่นักวิเคราะห์หลายรายให้ไว้

อย่างไรก็ตาม การเลือกหุ้นปันผลอาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่อาจจะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหุ้นได้ ทั้งนี้ผู้ลงทุนควรมองหาหุ้นที่น่าจะให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเกิน 4% ซึ่งปัจจุบันมีหุ้นในกระดานจำนวนไม่น้อยและคงต้องเลือกพิจารณาเป็นรายตัว โดยจะเห็นว่าช่วงนี้นักวิเคราะห์เริ่มออกมาประเมินและคาดการณ์หุ้นที่คาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในระดับดังกล่าวแล้ว 

บล.เอเซียพลัส ระบุว่า หลังปิดงบปี 2559 คือ ช่วงเดือน ม.ค.- ก.พ. 2560 จะเข้าสู่ฤดูกาลประกาศจ่ายปันผลอีกครั้ง โดยจะทยอยขึ้นเครื่องหมาย XD สิทธิในการรับเงินปันผล ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2560 เป็นต้นไป สำหรับกลยุทธ์การลงทุนหุ้นปันผลสูง ให้ซื้อก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ประมาณ 2-3 เดือน และขายวันขึ้นเครื่องหมาย

หุ้นที่ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส คัดกรอง เลือกจากอัตราการจ่ายเงินปันผล (Dividend Yield) ปี 2559 และ 2560 สูงกว่า 4% ต่อปี และมีแนวโน้มการเติบโตของกำไรต่อหุ้นปี 2560 กว่า 10% รวมถึงราคาเป้าหมายสูงกว่าราคาปัจจุบันเกินกว่า 15% หุ้นที่เข้าเงื่อนไขคือเอเซียเสริมกิจลิสซิ่ง (ASK) ราชธานีลิสซิ่ง (THANI) ปูนซีเมนต์นครหลวง (SCCC) ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) และแลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH)

ขณะที่ อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ ให้ความเห็นว่า ในเชิงกลยุทธ์การซื้อหุ้นเพื่อรอรับปันผลควรจะซื้อก่อนที่บริษัทจดทะเบียนจะประกาศงบการเงินออกมาสักระยะหนึ่ง เนื่องจากราคาหุ้นจะยังปรับตัวขึ้นไม่มากนัก ขณะเดียวกันหากบริษัทเหล่านั้นประกาศงบการเงินออกมาดีตามคาดหรือดีกว่าที่คาดไว้ ยังเป็นโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหุ้นอีกด้วย

สำหรับหุ้นที่ฝ่ายวิเคราะห์มองว่าจะให้อัตราเงินปันผลเกิน 4% จากระดับราคาปัจจุบัน สำหรับงบปี 2559 ได้แก่ เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (ASP) นามยง เทอร์มินัล (NYT) และควอลิตี้เฮ้าส์ (QH)

ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) มองว่า การเข้าซื้อหุ้นเพื่อหวังรนับเงินปันผลสำหรับรอบปีนี้ถือว่าเป็นจังหวะที่น่าสนใจ เพราะปกติแล้วบริษัทส่วนมากจะประกาศจ่ายปันผลออกมา และจ่ายมากกว่าครึ่งปีแรก อย่างไรก็ตามยังพอมีเวลาให้เข้าซื้อ โดยอาจจะยังไม่ต้องไล่ราคาหลังจากที่ดัชนีขึ้นมาต่อเนื่อง และเตรียมเลือกหุ้นไว้ เพื่อหาจังหวะเข้าลงทุน

สำหรับหุ้นที่คาดหวังผลประกอบการเกิน 4% ได้แก่ บล.เคจีไอ (KGI) คาดจ่ายปันผล 0.4 บาทต่อหุ้น ค้าเหล็กไทย (TMT) 1.48 บาทต่อหุ้น เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (ASP) 0.21 บาทต่อหุ้น เอสซี แอสเสท (SC) 0.19 บาทต่อหุ้น โกลว์ พลังงาน (GLOW) 4.29 บาทต่อหุ้น ซีเฟรชอินดัสตรี (CFRESH) 0.4 บาทต่อหุ้น ธนาคารกรุงไทย (KTB) 0.88 บาทต่อหุ้น น้ำมันพืชไทย (TVO) 1.7 บาทต่อหุ้น และทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) 2.55 บาทต่อหุ้น