เปิดโผ 'หุ้นเด่น' ไตรมาสแรก เน้นหุ้นปันผลติดพอร์ต

เปิดโผ 'หุ้นเด่น' ไตรมาสแรก เน้นหุ้นปันผลติดพอร์ต

สำรวจโผนักวิเคราะห์พบว่า ส่วนใหญ่แนะนำให้เลือกลงทุนในหุ้นมี "ปัจจัยเฉพาะตัว - ปันผลสม่ำเสมอ"

จากการสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์จาก 4 โบรกเกอร์ มองว่ากลยุทธ์สำคัญในปีหน้าคือการเลือกหุ้นที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว และการอิงจากธีมการลงทุนเด่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการอ่อนค่าของเงินบาท การฟื้นตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตามทิศทางราคาน้ำมัน รวมถึงการลงทุนของภาครัฐ

บล.เอเซียพลัส ระบุว่า กลยุทธ์การลงทุนในปีหน้าจะเลือกหุ้นเป็นรายตัว เน้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากธีมการลงทุนต่างๆ ได้แก่ หุ้นปันผลสูง ซึ่งจะเข้าสู่ฤดูกาลประกาศจ่ายปันผล ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2560 เป็นต้นไป โดยหุ้นที่ฝ่ายวิจัยคัดกรอง เลือกจากอัตราการจ่ายเงินปันผล ปี 2559 และ 2560 สูงกว่า 4% ต่อปี มีการเติบโตของกำไรสุทธิต่อหุ้น ปี 2560 เติบโต กว่า 10% และมีราคาเป้าหมายสูงกว่าราคาปัจจุบันเกินกว่า 15% ได้แก่ เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง (ASK) ราชธานีลิสซิ่ง (THANI) ปูนซิเมนต์นครหลวง (SCCC) และผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH)

หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาท โดยมีกลุ่มที่ได้ประโยชน์ชัดเจน 2 กลุ่ม คือ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ แนะนำ ฮานา (HANA) เอสวีไอ (SVI) ส่วนอีกกลุ่ม คือ กลุ่มเกษตร-อาหาร แนะนำ จีเอฟพีที (GFPT) ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) และ น้ำตาลขอนแก่น (KSL)

หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการก่อสร้างภาครัฐ โดยเฉพาะกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งทำให้งานในมือทั้งอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น น่าจะหนุนรายได้และกำไรโดยรวมดีขึ้นในปี 2560 ได้แก่ ยูนิค (UNIQ) ช.การช่าง (CK)

ขณะที่หุ้นเติบโตสูง เลือกเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) และกรุงเทพประกันชีวิต (BLA) ส่วนหุ้นรับการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน เลือก ปตท. (PTT) และปตท.สผ. (PTTEP)

บล.กสิกรไทย แนะนำว่า กลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 1/2560 เน้นปรับพอร์ตลงทุนเพื่อรับมือความผันผวนของตลาดภายใต้แนวโน้มการปรับเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ กระแสเงินทุนไหลออก และดอกเบี้ยขาขึ้น ได้แก่ หุ้นที่จะชดเชยการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ คือ กลุ่มพลังงานสาย Upstream จะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน และสามารถชดเชยกับการปรับเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ ตามแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นแบบเร่งตัว เลือก ปตท. (PTT) ปตท.สผ. (PTTEP) และบ้านปู (BANPU)

ถัดมาคือ หุ้นที่มีแบรนด์ที่แข็งแกร่งและมีข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน โดยหุ้นในกลุ่มนี้สามารถผลักดันภาระต้นทุนไปยังกลุ่มลูกค้าได้ อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายจากภาครัฐ โดยหุ้นเด่นในกลุ่มนี้ คือ บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) บิ๊ก คาเมร่า (BIG) สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) และเถ้าแก่น้อย (TKN)

สุดท้าย คือ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่า ซึ่งหุ้นที่จะได้ประโยชน์จากสถานการณ์ดังกล่าวต้องเป็นหุ้นที่มีสัดส่วนการรับรู้รายได้ในรูปดอลลาร์สูง โดยหุ้นเด่นในกลุ่มนี้คือ เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ (MEGA)

ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นที่น่าสนใจในช่วงไตรมาส 1/2560 ชอบหุ้นที่อิงกับนโยบายรัฐทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ รับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง โรงพยาบาล สำหรับหุ้นเด่นที่เรามอง ได้แก่ ไทยพาณิชย์ (SCB) ช.การช่าง (CK) ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) และกรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS)

อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ สำนักวิจัยทิสโก้ เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาส 1/2560 นี้ ฝ่ายวิจัยเลือกหุ้นเด่นออกมา 7 ตัว ได้แก่ ซิโน-ไทย (STEC) ซีฟโก้ (SEAFCO) ทีพีไอ โพลีน (TPIPL) เจดับเบิ้ลยูดี (JWD) บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) มาลีกรุ๊ป (MALEE) และไทยวา (TWPC)

เหตุผลหลักที่ฝ่ายวิจัยเลือกหุ้นทั้ง 7 ตัวนี้ มาจากทั้งปัจจัยภาพรวม โดยอิงจากธีม 4C ได้แก่ รับเหมาก่อสร้าง (Construction) วัสดุก่อสร้าง (Construction materials) อุปโภคบริโภค (Consumption) และพาณิชย์ (Commerce) โดยแต่ละตัวจะคาดหวังอัพไซด์จากราคาหุ้น 20% ขึ้นไป

นอกจากนี้บางตัวยังมีปัจจัยหนุนเฉพาะตัวซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสแรก อย่าง ทีพีไอ โพลีน คาดกำไรในปีหน้าจะพลิกเป็นบวก จากรายได้ธุรกิจโรงไฟฟ้าเข้ามาเพิ่มขึ้นอีก 90 เมกะวัตต์ ในปลายไตรมาส 1/2560 ขณะเดียวกันคาดว่าจะมีกำไรส่วนเกินทุนที่ยังไม่รับรู้ (Unrealized capital gain) เป็นจำนวนมากหลังจากบริษัทลูก ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นอกจากนี้ บริษัทวางแผนเปลี่ยนนโยบายบัญชีหลังการขายไอพีโอของโพลีน เพาเวอร์ ซึ่งจะทำให้ภาระค่าเสื่อมราคาลดลงสูงถึงปีละ 1.3 พันล้านบาท