สยองเลขอาถรรพ์352 รถตู้มรณะ-เบนซ์5ศพ เลขเดียวกัน

สยองเลขอาถรรพ์352 รถตู้มรณะ-เบนซ์5ศพ เลขเดียวกัน

สยองเลขอาถรรพ์ปีระกา ด้วยไฟมรณะ 352 เลขทะเบียนตรงกันกับเลขท้ายของรถตู้มรณะบ้านบึง 25 ศพ สาย กทม-จันทบุรี 15-1352 เผาวอดที่แปดริ้วอีก 5 ศพ

วันที่ 3 ม.ค. เวลา 14.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ รพ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ท่ามกลางความเศร้าโศกของบรรดาญาติๆ ของสองครอบครัวผู้สูญเสียที่เดินทางมาด้วยกันจำนวน 5 ชีวิต ภายในรถเบนซ์ S 280 สีดำ หมายเลขทะเบียน 1 กน 352 กทม. ก่อนมาประสบอุบัติเหตุตกร่องกลางถนนขณะกำลังเดินทางกลับเข้า กทม. บนถนนสาย 304 ใกล้หลัก กม.ที่ 101 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า ได้มีบรรดาญาติๆ ของผู้เสียชีวิตกว่า 20 คนต่างพากันทยอยเดินทางมาที่ รพ.พนมสารคาม เพื่อมาแสดงตนติดต่อขอรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศล โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า สลับกับเสียงร้องไห้ระงมของบรรดาญาติที่ทราบข่าว 

ล่าสุดของผู้เสียชีวิตรายสุดท้าย คือ นายชัยโรจน์ รัชตะชัยอนันต์ อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67 ม.1 ต.หนองกี่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ที่เพิ่งเสียชีวิตลงเมื่อเวลา 14.30 น. หลังจากทีมแพทย์ รพ.พุทธโสธร ได้พยายามจะผ่าตัดม้ามเพื่อช่วยชีวิต แต่ไม่สำเร็จ

สำหรับรายชื่อของผู้เสียชีวิตทั้งหมดประกอบด้วย นายพิฑูรย์ ถาวรสถิตย์ อายุ 44 ปี เสียชีวิตที่ รพ.พนมสารคาม นายอมรฤทธิ์ ถาวรสถิตย์ อายุ 62 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ นางยวนใจ ถาวรสถิตย์ อายุ 85 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ โดยทั้งสามคนเป็นครอบครัวเดียวกัน ประกอบด้วยมารดา พี่ชาย และน้องชาย ส่วนอีก 2 ราย คือ นางสรินญพร รัชตะชัยอนันต์ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 ซ.บางนา-ตราด 24 แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และนายชัยโรจน์ รัชตะชัยอนันต์ อายุ 60 ปี ซึ่งเสียชีวิตเป็นรายสุดท้ายที่ รพ.พุทธโสธร นั้น เป็นครอบครัวเดียวกัน

ด้าน นายชาติพงษ์ รตโนภาส ผอ.แขวงการทางฉะเชิงเทรา กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเหตุใด เนื่องจากถนนสาย 304 ช่วงเลยจากหน้าวัดโพธิ์ใหญ่ไปแล้วนั้น เป็นเส้นทางตรงผิวถนนเรียบ และไม่ใช่จุดอันตรายที่มักอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้งหรือซ้ำซากมาก่อน โดยจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งนั้นน่าจะเป็นบริเวณทางโค้งที่ด้านหน้าปากทางเข้าวัดโพธิ์ใหญ่มากกว่า แต่จุดที่เกิดเหตุในครั้งนี้ได้เลยผ่านไปไกลถึงกว่า 1 กม.แล้ว คือ ที่ กม.99+800 ด้านฝั่งขาเข้า กทม.

ทั้งนี้ ต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ และทำการสืบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ต่อไป แต่จากการที่ทางแขวงการทางได้เดินทางเข้ามาดูยังจุดเกิดเหตุแล้ว ในช่วงประมาณ 08.00 น.นั้น พบว่ารถยนต์คันเกิดเหตุได้พุ่งชนเข้ากับต้นไม้ คือ ต้นตะแบก ที่ปลูกอยู่ในร่องกลางถนนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของลำต้นประมาณ 5-6 นิ้ว จนขาดออกจากกันเป็นสองท่อน จึงแสดงว่ารถคันนี้ขับมาด้วยความเร็วสูง โดยอาจเสียหลักตกลงไปในร่องกลางถนนชนต้นไม้ดังกล่าว

นายชาติพงษ์ กล่าวอีกว่า จากการสอบถามญาติของผู้เสียชีวิต ทราบว่า ผู้เสียชีวิตได้พากันออกเดินทางไปเยี่ยมอดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ซึ่งเกษียณอายุราชการแล้วรายหนึ่ง ซึ่งป่วยอยู่ใน รพ.ขอนแก่น และเป็นญาติกัน ตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าวานนี้ โดยตลอดทางทั้งขาไปและขากลับนั้น จะมีคนขับผลัดเปลี่ยนกันอยู่จำนวน 3 คนในการเดินทาง และได้เดินทางกลับออกมาจาก รพ.ขอนแก่น เมื่อช่วงเวลา 14.00 น.วานนี้ และได้มาแวะพักรถยังที่สำนักงานของ นายชัยโรจน์ ในเขต อ.กบินทร์บุรี ก่อนจะออกเดินทางต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. จนมาประสบอุบัติเหตุดังกล่าวขึ้นในครั้งนี้ 

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับศพของครอบครัว “ถาวรสถิตย์” นั้น ทางญาติได้เตรียมที่จะนำไปประกอบพิธีสวดพระอภิธรรมศพยังที่วัดธาตุทอง ใน กทม. ภายในศาลา 1 ศาลา 8 และ 14 ส่วนครอบครัว “รัชตะชัยอนันต์”ยังอยู่ระหว่างรอการปรึกษากันของทางญาติ