ค้าปลีกรับอานิสงส์‘ช้อปช่วยชาติ’ยอดขายพุ่ง

หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.)เห็นชอบ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี โดยเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับผู้มีเงินได้ที่ซื้อสินค้าและบริการช่วงปลายปีในระหว่างวันที่14-31ธ.ค.2559 เป็นเวลา18วัน ตามการใช้จ่ายจริงและตามฐานภาษีของแต่ละบุคคลโดยไม่เกินคนละ 15,000 บาท ช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการค้าปลีก สินค้า และบริการต่างๆ ได้จัดแคมเปญโปรโมชันเพื่อช่วงชิงลูกค้าและยอดขายกันคึกคัก

นายชำนาญ เมธปรีชากุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าเดอะมอลล์ ดิ เอ็มโพเรี่ยม ดิ เอ็มควอเทียร์ และพารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ กล่าวว่ามาตรการ“ช้อปช่วยชาติ” สิ้นสุดวานนี้ (31 ธ.ค.) มาตรการดังกล่าวสามารถกระตุ้นยอดขายได้ประมาณ 15% โดยการออกใบกำกับภาษีเติบโตกว่าปีที่ผ่านมาเฉลี่ย 7 เท่า ช่วยผลักดันยอดขายรวมเดอะมอลล์ กรุ๊ป ปีนี้เติบโต 4-5 % ปิดยอดขาย 5.4 หมื่นล้านบาท

โดยสินค้าผู้บริโภคจับจ่ายสูงสุด ได้แก่ กลุ่มสินค้าเครื่องไฟฟ้า สินค้าอุปโภคบริโภคในซูเปอร์มาเก็ต กลุ่มเครื่องสำอาง ของขวัญต่างๆ เสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬา

“จากประสบการณ์ครั้งก่อนทำให้เดอะมอลล์ปรับวิธีการออกใบกำกับภาษีให้รวดเร็ว โดยนำเครื่องอ่านบัตรประชาชนมาใช้ในทุกๆ จุด เพิ่มจุดการออกใบกำกับภาษีเป็น 2 เท่า ทำให้การออกใบกำกับภาษีในปีนี้ สะดวก รวดเร็ว เป็นที่พึงพอใจของผู้บริโภคที่มาจับจ่าย”

มาตรการช้อปช่วยชาติครั้งนี้คึกคักอย่างมาก โดยเฉพาะสัปดาห์สุดท้ายตั้งแต่วันเสาร์ที่ 24 ธ.ค. เป็นต้นมา ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้บริโภคบางส่วนเริ่มหยุดคริสต์มาสและปีใหม่ ประกอบกับการรับเงินโบนัสประจำปีของแต่ละบริษัท ทำให้บรรยากาศการใช้จ่ายกระเตื้องขึ้น

ทะลุพิกัดยอดพุ่ง40%

การตอบรับของผู้บริโภคยังสะท้อนได้จากงานมหกรรมลดทะลุพิกัด ที่ เดอะมอลล์ จัดขายนอกสถานที่เป็นประจำ ที่ อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 21-25 ธ.ค.ที่ผ่านมา ผลจากการประกาศมาตรการช้อปช่วยชาติ ทำให้มีผู้บริโภคเข้าไปจับจ่ายในงานมหกรรมลดทะลุพิกัดเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ยอดขาย 5 วัน เติบโตกว่า 40% เทียบการจัดงานปีที่ผ่านมาซึ่งไม่อยู่ในช่วงช้อปช่วยชาติ

นอกจากงานมหกรรมลดทะลุพิกัด กลุ่มเดอะมอลล์ จัดโปรโมชันพิเศษกระตุ้นกำลังซื้อของลูกค้าต่อเนื่อง ภายใต้แคมเปญ 2017 Brilliant Thanks สิ้นสุดวันที่ 4 ม.ค.นี้ ซื้อตามเงื่อนไขรับคูปองส่วนลดสูงสุด 50%

หนุนใช้จ่ายไตรมาสแรกคึกคัก

นายชำนาญ กล่าวต่อว่า มั่นใจว่าบรรยากาศจับจ่ายจะคึกคักต่อเนื่องในไตรมาสแรกนี้ โดยเดือน ม.ค.นี้จะมีเทศกาลวันเด็ก ที่จะมีการจัดอีเวนท์ต่างๆ ปลายเดือน ม.ค.ตรงกับเทศกาลตรุษจีน เป็นช่วงจับจ่ายของผู้บริโภคชาวไทยเชื้อสายจีนตามธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติ ตามด้วยเทศกาลวาเลนไทน์ในเดือน ก.พ.

“แม้กำลังซื้อส่วนหนึ่งจะถูกใช้ไปในช่วงมาตรการช้อปช่วยชาติ แต่เรากลับมองว่าจะเป็นแรงส่งที่ดีต่อเนื่องมายังไตรมาสแรกปี 2560 นี้”

เซ็นทรัลเผยช่วยดันยอดโต 10%

นางสาวปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่ายอดขายในช่วงมาตรการช้อปช่วยชาติ 18 วันของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลสร้างรายได้กว่า 3,000 ล้านบาท เติบโตจากช้อปช่วยชาติปีก่อนประมาณ 10%

แผนกที่ได้รับความสนใจจากลูกค้ามากสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ แผนกเครื่องสำอาง แผนกของตกแต่งบ้าน และแผนกนาฬิกา

“บรรยากาศจับจ่ายที่คึกคักในโค้งสุดท้ายนี้ทำให้ห้างเซ็นทรัลปิดยอดขายสิ้นปีเติบโต 5% ตามเป้าหมาย คิดเป็นมูลค่ากว่า 4.7 หมื่นล้านบาท”

จับมือค้าส่ง-ปลีกภูธรลดราคา

นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่าตามที่กระทรวงพาณิชย์ขอความร่วมมือผู้ผลิตสินค้า ห้างค้าปลีกสมัยใหม่ และห้างสรรพสินค้า ลดราคาสินค้าเพื่อเป็นของขวัญให้แก่ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ในส่วนของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าร่วมกับร้านค้าส่ง-ปลีกท้องถิ่นจัดมหกรรมลดราคาสินค้า ภายใต้ชื่องาน “ค้าส่งรวมใจ โชวห่วยไทยคู่สังคม” จะจัดเป็นวาระพิเศษลดราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค 20-80 %เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้แก่พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะประชาชนที่อยู่ในส่วนภูมิภาคจะสามารถช่วยลดค่าครองชีพและเพิ่มเงินในกระเป๋าได้อย่างมาก

งานดังกล่าวได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 ธ.ค. 2559- 31 ม.ค. 2560 โดยมีเครือข่ายร้านโชวห่วยกว่า 6,000 ทั่วประเทศ เข้าร่วมจัดงานฯ โดยเฉพาะการลดราคาสินค้าที่ผลิตและจำหน่ายในท้องถิ่น หรือที่เรียกว่า “สินค้าเฮ้าส์แบรนด์” เข้าร่วมลดราคาถึง 50% ถือเป็นการเปิดตัวสินค้าที่ผลิตโดยคนท้องถิ่น จำหน่าย และบริโภคในท้องถิ่นให้เป็นที่รู้จัก ก่อนจะขยายเป็นสินค้าในระดับจังหวัดต่อไป คาดจะมีเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจกว่า 500 ล้านบาท และลดภาระค่าครองชีพไม่ต่ำกว่า 100 -150 ล้านบาท

การจัดงาน “ค้าส่งรวมใจ โชวห่วยไทยคู่สังคม” เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางเศรษฐกิจให้เกิดการหมุนเวียนและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเกิดการเกื้อกูลกันอย่างเป็นระบบ โดยดำเนินการมาแล้วทั้งสิ้น 9 ครั้ง มีมูลค่าการซื้อขายรวมกว่า 3,954 ล้านบาท จัดต่อเนื่องทุกปี ๆ ละ 2 ครั้ง คือ วันที่ 25 เม.ย.-31 พ.ค. และวันที่ 9- 30 ก.ย.