กระทรวงยุติธรรมไฟเขียวช่วย '2 ผู้เฒ่า' ตัดไม้พะยูง

"กระทรวงยุติธรรม" อนุมัติช่วยเหลือ “2 ผู้เฒ่า” ตัดไม้พะยูงล้มในที่ดินตัวเอง ลุ้นอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีเหตุไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะโฆษกกระทรวงยุติธรรม กล่าวการเข้าช่วยเหลือทางคดีกับ2 ผู้สูงอายุที่ตัดต้นพยุงในที่ดินตัวเอง ว่า ขณะนี้กองทุนยุติธรรมได้อนุมัติให้ความช่วยเหลือนายทองสุข พันชมภู อายุ 80 ปี และนายเดิน จันทกล อายุ 70 ปี (คู่เขย) ที่ถูกดำเนินคดีข้อหาตัดไม้พะยูงในที่นาของตัวเอง ซึ่งตั้งอยู่ในต.แกดำ อ.แกดำ จ.มหาสารคาม โดยกองทุนยุติธรรมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดำเนินคดีตั้งแต่ค่าปล่อยตัวชั่วคราว และค่าจ้างทนายความในการดำเนินคดี สำหรับคดีนี้แม้เป็นไม้พะยูงที่เกิดขึ้นในที่นาของตนเอง และถูกพายุพัดจนล้มขวางถนนทำให้ประชาชนไม่สามารถใช้สัญจรผ่านไป-มา เพื่อนำขยะไปทิ้งที่บ่อขยะของเทศบาลตำบลแกดำ ได้ทำให้ชาวบ้านต้องขับขี่รถอ้อมไปเข้ามาในที่ของนายทองสุขจนได้รับความเดือดร้อน นายทองสุขจึงได้ไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบเมื่อตรวจสอบแล้ว แต่ก็ไม่มีหน่วยงานใดมาตัดไม้ให้ ดังนั้นเมื่อทำนาเสร็จเรียบร้อยแล้วนายทองสุข จึงได้ชวนนายเดินซึ่งเป็นคู่เขยให้มาช่วยตัดไม้เพื่อให้สามารถใช้เส้นทางได้ตามปกติ อีกทั้งไม้พะยูงก็ผุและปลวกขึ้นจึงคิดจะตัดไม้ไปทำฟืนแต่ไม้พะยูงเป็นไม้หวงห้าม คดีนี้รัฐจึงเป็นผู้เสียหาย และเป็นคดีที่ยอมความไม่ได้ตำรวจจึงต้องส่งสำนวนให้อัยการสั่งฟ้องคดีต่อไป
โฆษกกระทรวงยุติธรรม กล่าวต่อว่า จากพฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวพนักงานอัยการอาจเสนออัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องตามมาตรา 21 พ.ร.บ. องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ เนื่องจากพนักงานอัยการมีอิสระในการพิจารณาสั่งคดี และการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและตามกฎหมายโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ถ้าพนักงานอัยการเห็นว่าการฟ้องคดีอาญาจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน แต่หากพนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้องคดีต่อศาล และผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้ให้การรับสารภาพทนายความที่กองทุนยุติธรรมแต่งตั้งให้ก็จะเขียนคำร้องต่อศาล โดยอ้างเหตุตามพฤติการณ์แห่งคดีไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนอีกทั้งมีอายุมากจึงให้ปรานีลงโทษสถานเบาโดยขอให้ศาลสั่งให้สืบเสาะและพินิจซึ่งก็อยู่ที่ดุลพินิจในการพิจารณาพิพากษาต่อไป ทั้งนี้ในคดีตัดไม้พะยูงต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“กรณีนี้เป็นกรณีศึกษาที่นายกรัฐมนตรีเห็นว่ากระบวนการสร้างการรับรู้ความเข้าใจกฎหมายให้กับประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ รวมถึงกระบวนการให้บริการประชาชนตามพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ ซึ่งถือเป็นนโยบายเร่งด่วนสำคัญของรัฐบาล โดยได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงยุติธรรม และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องต้องรับไปดำเนินการให้เป็นรูปธรรมและเห็นผลอย่างชัดเจนต่อไป ” นายธวัชชัยระบุ
สำหรับไม้พะยูงเป็นไม้หวงห้ามประเภทก. ไม่ว่าจะขึ้นอยู่ที่ใดในราชอาณาจักรตามมาตรา 7 ที่ได้แก้ไขตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ 107/2557 เรื่องแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยป่าไม้หรือเป็นไม้หวงห้ามธรรมดา ซึ่งการทำไม้นั้นจะต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือได้รับสัมปทานตามมาตรา 6 พระราชบญัญัตินี้แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้พ.ศ.2484 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติป่าไม้(ฉบับที่5)พ.ศ. 2518 เสียก่อน







