ธปท.ผนึกกสทช.วางกฎป้องชำระเงินผ่านมือถือ

ธปท.ผนึกกสทช.วางกฎป้องชำระเงินผ่านมือถือ

“แบงก์ชาติ” จับมือ กสทช. วาง 3 แนวทางดูแลความปลอดภัยผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือ

 

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) กล่าวว่า แนวทางกำกับดูแลความปลอดภัยของบริการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ ล่าสุดที่ กสทช. หารือ กับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มี 3 เรื่องที่สำคัญ คือ 1.สำนักงาน กสทช. จะทำหนังสือกำชับให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือที่ดำเนินการโอนย้ายเลขหมายให้เป็นไปตามกฎหมายและประกาศ กสทช. อย่างเคร่งครัด

โดยการขอออกซิมการ์ดใหม่ หรือการขอเปลี่ยนแปลงเจ้าของซิมการ์ด รวมทั้งการขอเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลต่างๆ นั้น ผู้ใช้บริการจะต้องนำบัตรประชาชนตัวจริงมาใช้ในการติดต่อเพื่อขอเปลี่ยนแปลงหรือโอนย้ายเลขหมายเท่านั้น

สำหรับกรณีการมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทน ก็ต้องใช้บัตรประชาชนตัวจริงของผู้มอบและผู้รับมอบอำนาจด้วย โดย กสทช. ได้จัดทำมาตรฐานกระบวนการพิสูจน์ตัวตนเพื่อรองรับการตรวจสอบบัตรประชาชนดังกล่าวแล้ว เพื่อสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจในการใข้บริการธุรกรรมทางการเงิน และป้องกันการโอนย้ายเลขหมายที่ไม่ถูกต้อง

ส่วนเรื่องการแสกนลายนิ้วมือเพื่อลงทะเบียนขอใช้ซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือนั้น นายฐากร กล่าวว่า น่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ในเดือนมี.ค.2560 ซึ่งการลงทะเบียนดังกล่าวจะใช้สำหรับซิมการ์ดใหม่เท่านั้น ส่วนซิมการ์ดเดิมไม่จำเป็นต้องมาลงทะเบียน ยกเว้นแต่ว่าผู้ใช้บริการในซิมการ์ดเดิมอยากสร้างความปลอดภัยเพิ่มก็สามารถมาลงทะเบียนซ้ำได้ โดยใช้บัตรประจำตัวประชาชนในการลงทะเบียนเท่านั้น เพื่อจะเชื่อมต่อข้อมูลไปยังกรมการศาลปกครอง

“ต้องฝากเรียนว่า การลงทะเบียนโดยใช้ระบบแสกนนิ้วมือ จะใช้สำหรับผู้ขอซิมใหม่เท่านั้น ผู้ใช้ซิมเดิมอยู่ไม่จำเป็นต้องมาลงทะเบียนยกเว้นแต่อยากสร้างความปลอดภัยเพิ่ม โดยเราจะเชื่อมข้อมูลนี้ไปยังกรมการศาลปกครอง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้ในเดือนมี.ค.ปีหน้า”

ส่วนเรื่องที่สอง คือ กสทช. และ ธป. ตกลงร่วมกันที่จะดูแลให้เกิดความปลอดภัยและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้บริการโมบายแบงกิ้ง และพร้อมเพย์ว่าจะได้รับการดูแลการใช้บริการทางการเงินผ่านอุปกรณ์โทรศัพท์มือถืออย่างรัดกุม

โดยจะแจ้งให้สถาบันการเงินส่งข้อมูลเฉพาะหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่เท่านั้น จะไม่ปรากฎชื่อของผู้ใช้บริการในระดับดังกล่าว ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้บริการแล้วให้กับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือดูแลความปลอดภัย

สำหรับผู้ที่ประสงค์จะเปลี่ยนแปลงหมายเลขโทรศัพท์มือถือ มีกลไกการดูแลที่รัดกุมตามข้อ 1 และมีกลไกที่บริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่แจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อมูลไปยังสถาบันการเงินให้รับทราบและปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน

โดยผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือที่จะขอคำยินยอมจากเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์ ในการนำส่งการเปลี่ยนแปลงข้อมูลดังกล่าวให้สถาบันการเงิน และหากเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์ มีความประสงค์จะผูกบัญชีกับระบบพร้อมเพย์ก็สามารถดำเนินการได้ที่สถาบันการเงิน

ส่วนเรื่องสุดท้าย ทาง ธปท. และ กสทช. ตกลงร่วมกันว่า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการขอรับคืนเงินค่าบริการโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินกรณียกเลิกการใช้บริการ ซึ่งจากเดิมผู้ใช้บริการจะต้องดำเนินการผ่านการโอนบัญชีธนาคาร หรือคืนเป็นเช็ค หรือโอนไปยังหมายเลขโทรศัพท์อื่น แต่ขณะนี้สามารถขอรับคืนเงินผ่าน อี-วอเล็ท หรือบริการพร้อมเพย์ได้แล้ว

นายฐากร กล่าวด้วยว่า หากผู้ให้บริการไม่สามารถปฎิบัติตามกฎเกณฑ์เหล่านี้ได้ จะมีโทษตั้งแต่การ เตือน ปรับ และ เพิกถอนใบอนุญาต โดยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของกรณีปัญหาที่เกิดขึ้น