ตลาดมีแนวโน้มเพิ่มความระมัดระวัง

ตลาดมีแนวโน้มเพิ่มความระมัดระวัง

เพิ่มความระวังในการเก็งกำไรหุ้นพลังงานและโภคภัณฑ์

เราคาดตลาดหุ้นไทยและโลกตอบรับเชิงลบต่อผลการประชุม FOMC เนื่องจากมุมมองของการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต สำหรับปี 2560-61 ที่เพิ่มในอัตราที่เร็วกว่าตลาดคาด ประกอบกับมุมมองบวกของเฟดต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ทั้งค่าเงินสหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี สหรัฐฯ ปรับขึ้น กดดันต่อพันธบัตรและทองคำ ขณะที่ราคาน้ำมันปรับลดลงหลังโอเปคเปิดเผยปริมาณการผลิตน้ำมันพ.ย.พุ่งขึ้น 150,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งเราได้เตือนถึงราคาน้ำมันที่มีอัพไซด์จำกัดมาก่อนหน้าแล้วจากราคาซื้อขายปัจจุบันสูงกว่าราคาล่วงหน้า (Backwardation) เรายังมองน้ำหนักการเก็งกำไรหมุนจากพลังงานไปยังหุ้นอื่น โดยมีหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ SCB, KTB, TU, CPF, PSH, ORI*, IVL, SMT*, TSE* / BLA*, TIP*, EASTW* จาก bond yield ที่ปรับขึ้น / DTAC, ADVANC, SGP*, DEMCO* สะท้อนปัจจัยลบช่วงสั้นแล้ว 

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% สู่ระดับ 0.50-0.75% โดยหากพิจารณามุมมองของดอกเบี้ยในอนาคตของกรรมการรายบุคคล (Dot Plot) จะแสดงถึงการส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง (ครั้งละ 0.25%) ในปี 2560 ขณะเดียวกันมีความเสี่ยงที่การขึ้นดอกเบี้ยในปี 2561 จะเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ซึ่งเราประเมินการปรับพอร์ตสินทรัพย์ (asset re-allocation) จะกดดันต่อภาพการลงทุนในช่วงนี้ไปจนถึงต้นปีหน้า

คาดการณ์หุ้นเข้า-ออก SET50: (+) GL, THAI, JAS, SPRC, GLOBAL, KKP, PTG, SCCC / (-) BEC, TASCO, TTW, SAWAD, MTLS, BCP, TPIPL, WHA // คาดการณ์หุ้นเข้า-ออก SET100: (+) JAS, SPRC, SUPER, VIBHA, TKN, BIG, THANI, GFPT, SCCC/ (-) TRC, BJCHI, RS, ERW, JWD, SVI, WORK, HANA, IFEC

สำหรับปัจจัยติดตามที่สำคัญ: 15 ธ.ค. – ตลท.ประกาศรายชื่อหุ้นเข้า SET50-SET100 ชุดใหม่ (มีผล 1 ม.ค.60) / 15 ธ.ค. – ศาลล้มละลายกลางพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการสหวิริยาสตีล / 21 ธ.ค. - การปรับลด GDP โดยธปท.

คำแนะนำทางกลยุทธ์ : เพิ่มความระวังในการเก็งกำไรหุ้นพลังงานและโภคภัณฑ์ รวมทั้งระวังกลุ่มลีซซิ่งเป็นลบจากทิศทางการขึ้นดอกเบี้ย (ต้นทุนเพิ่มและมีโอกาสหลุด SET50) การเก็งกำไรรายตัวเน้นหุ้นที่ยัง laggard, ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสิ้นปี ท่องเที่ยว หรือมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว // หุ้น top pick เชิงกลยุทธ์ SCB / เก็งกำไร DTAC*, DEMCO*, TSE*

แนวรับ/แนวต้าน : 1510-1515/1530 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

ประเด็นเก็งกำไรเชิงกลยุทธ์

• เปิดซองรถไฟฟ้า: UNIQ, BTS, STEC, RATCH, SEAFCO, PYLON/ เจรจาส่วนต่อขยาย: BEM, CK

• มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ: กลุ่มค้าปลีกและผู้จำหน่ายสินค้าไอที รวมถึงกระเบื้อง TK, S11, JMART, SYNEX, DCC, DRT / ห้างสรรพสินค้า และโมเดิร์นเทรด ได้แก่ ROBINS, BIGC, MAKRO, CPN, HMPRO / กลุ่มท่องเที่ยว ได้แก่ AOT, ERW, CENTEL และ MINT

• กลุ่มอาหาร/เกษตร/ยาง/เรือ: GFPT*, CPF, TFG*, TU, CFRESH*, STA*, TRUBB*, TTA*, PSL*, RCL*
(* หุ้นที่ไม่อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH/หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ ผู้ลงทุนควรพิจารณาจุดตัดขาดทุน ราว 3-5%)


หุ้นแนะนำ

• SCB (190) : เป็น top pick ในกลุ่มธนาคารใหญ่ เราคาดมีกำไรปี 2560 เติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มที่ 15.6% ซึ่งดีกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 6.5% การปรับโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ขนาดใหญ่ (ลุ้นศาลล้มละลายผ่านแผนฟื้นฟู SSI วันนี้) เป็น upside risk ที่ทำให้หุ้นน่าสนใจ

• DTAC* (40) : ราคาหุ้นปรับลดลงมากเกินไป ซื้อขายที่เพียง 36% ของ market cap TRUE ในขณะที่มีมูลค่าของลูกค้าหนึ่งราย (EV/Subscriber) ที่ 4,481 บาท ต่ำกว่า TRUE ที่ 13,313 บาท ทั้งที่ยังคงมีลูกค้า 25.7 ล้านราย (TRUE ที่ 22.6 ล้านราย)

• DEMCO* (9.50) : คาดผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดจากการตั้งสำรองค่าซ่อมฐานรากเสากังหันลมและการบันทึกค่าเสียโอกาสไปแล้ว ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 4 คาดเป็นบวกเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน

• TSE* (6.50) : กลับมาเป็น defensive growth หลังประกาศแผนลงทุนไฟฟ้าชีวมวล 22MW (COD ช่วงปี 2561-62) ช่วงปลายก.ย. และรอความชัดเจนแผนลงทุนไฟฟ้าญี่ปุ่น 32.MW ซึ่งคาดเป็นปัจจัยผลักดันราคาที่สำคัญ