'ศรีวราห์'สั่งล่าตัวคนปล่อยคลิปเสียงลับ

'ศรีวราห์'สั่งล่าตัวคนปล่อยคลิปเสียงลับ

"พล.ต.อ.ศรีวราห์" รับมอบตัวผู้ต้องหาคดีระเบิดป่วนพื้นที่กรุงเทพ พร้อมสั่งล่าตัวต้นตอปล่อยคลิปเสียงการประชุม ปัดตอบเรื่องดิสเครดิต

พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รรท.รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช รรท.ผบก.ส.4 พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบก.ป.แพทย์จาก รพ.ตำรวจ พ.ต.ท.วชิรา ยาวไธสงค์ รอง ผกก.ปพ.บก.ป. พร้อมกำลังตำรวจคอมมานโด กก.ปพ.บก.ป.ได้รับมอบตัว นายอุสมาน หรือมัง เจาะเงาะ อายุ 41 ปี , นายมีซี เจ๊ะหะ อายุ 19 ปี , นายปฐมพร มิหิแอ อายุ 19 ปี , นายอัมรัม มะยี อายุ 23 ปี , นายวิรัติ หะมิ อายุ 23 ปี , และนายนิเฮง ยีนิง อายุ 28 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2504 , 2512-2515 และ 2517/2559 ลงวันที่ 6 ธันวาคม 2559 ข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ไว้ในครอบครอง และร่วมกันกระทำการอันเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร ภายหลังร่วมกับพวก เตรียมการก่อเหตุวางระเบิดในพื้นที่กทม.

ทั้งนี้ผู้ต้องหาทั้งหมด ได้ถูกเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวไว้ตามขั้นตอนการสอบสวนคดีความมั่นคง ซึ่งภายหลังสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว ทาง พล.ต.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้านกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คสช.เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมด โดยมีการส่งมอบตัวผู้ต้องหาในวันเดียวกันนี้

โดยหลังจากทางเจ้าหน้าที่คอมมานโดควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดลงจากรถตู้ก็ได้นำตัวไปตรวจร่างกายกับแพทย์จาก รพ.ตำรวจ ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อกล่าวหา และสอบปากคำผู้ต้องหา ซึ่งจะมีทนายความร่วมรับฟังการสอบสวน ตามขั้นตอนการพิจารณาดำเนินคดี

สำหรับการพิจารณาดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 6 รายนั้น สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลภายหลังจับกุม นายตาลมีซี โต๊ะตาหยง อายุ 31 ปี , นายอับดุลาซิร สือกะจิ อายุ 19 ปี และนายมูบารีห์ กะนะ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2326-2328/2559 ในข้อหาเดียวกัน ซึ่งถูกทหารควบคุมตัวไว้ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และส่งมอบให้ทางตำรวจพิจารณาดำเนินคดี รวมทั้งมีการควบคุมตัวไปชี้จุดและตรวจค้นที่ห้องพักหลังมัสยิดยามีอุลอิสลาม ซอยรามคำแหง 53/1 เขตบางกะปิ กทม.และที่ห้องพักที่ 207 ภายในอาคารเลขที่ 4/226 ต.บางเสาธง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยการสอบสวนทราบว่ายังมีผู้ร่วมกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องรวม 14 ราย จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับเพิ่มเติม

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า การดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 6 รายดังกล่าว เป็นการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม จากกรณีการจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมกันเตรียมการก่อเหตุคดีความมั่นคงใน กทม. 3 รายก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีถิ่นที่อยู่อาศัยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนรายละเอียดต่างๆ นั้นอยู่ในสำนวนการสอบสวน อย่างไรก็ดี ขณะนี้ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาไว้แล้วทั้ง 14 ราย แต่วันเดียวกันนี้มีการคุมตัวมาส่งให้พนักงานสอบสวน 6 ราย ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือก็จะมีการติดตามจับกุมเพื่อดำเนินคดีต่อไป

สำหรับผู้ต้องหา 5 ราย ถูกติดตามจับกุมได้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และอีก 1 ราย ถูกจับกุมในพื้นที่ กทม.และเนื่องจากเป็นคดีความมั่นคง ทางเจ้าหน้าที่ทหารมีอำนาจในการควบคุมตัวและสอบสวนไว้ก่อนหน้านี้ ก่อนมีการแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน โดยในชั้นการสอบสวนของฝ่ายทหาร ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ ซึ่งหลังจากสอบปากคำเสร็จสิ้น ก็จะควบคุมตัวผู้ต้องหาไปชี้จุดเกิดเหตุ 2 แห่ง

“ในส่วนของผู้ต้องหาที่เหลือ เท่าที่ได้รับรายงานนั้น มีการกักตัวไว้แล้ว 4 ราย ในพื้นที่ ศชต.ส่วนที่เหลือนั้น ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเร่งติดตามจับกุมตัว อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบว่าทั้งหมดเคยมีประวัติ หรือมีส่วนเชื่อมโยงกับการก่อเหตุวางระเบิดที่ใดมาก่อน รวมทั้งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำหรับการตรวจสอบเรื่องเส้นทางการเงินของผู้ต้องหานั้น ทาง ปปง.ก็ดำเนินการอยู่แล้ว แต่จะยังมีใครที่ว่าจ้าง หรือบงการอยู่เบื้องหลัง ยังไม่สามารถตอบได้” พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าว

นอกจากนี้ทาง พล.ต.อ.ศรีวราห์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปเสียง ซึ่งถูกอ้างว่าอยู่ระหว่างประชุมเพื่อออกหมายค้นและจับกุมพระธัมมชโยว่า ตนไม่ขอยืนยันว่าคลิปดังกล่าวเป็นเสียงตนหรือไม่ แต่ในหลักกฎหมายนั้น คลิปเสียงไม่ถือเป็นหลักฐาน ศาลจึงไม่รับฟัง ไม่สามารถนำมาใช้ได้ แต่ทั้งนี้เมื่อเช้าที่ผ่านมาตนได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รรท.รองผบช.ภ.1 ตรวจสอบที่มาของคลิปดังกล่าวแล้ว เเต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานผลตรวจสอบ หากพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือเข้าข่ายความผิดใด ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดใจเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น เนื่องจากทุกอย่างตนทำไปตามหน้าที่

ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การกระทำดังกล่าวถือเป็นการดิสเครดิตพล.ต.อ.ศรีวราห์หรือไม่ รองผบ.ตร.กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าคำว่าดิสเครดิตแปลว่าอะไร