บัตรทองจ่ายค่ารักษาฉุกเฉินรพ.นอกสิทธิ เป็นของขวัญปีใหม่คนไทย

บัตรทองจ่ายค่ารักษาฉุกเฉินรพ.นอกสิทธิ เป็นของขวัญปีใหม่คนไทย

บอร์ดบัตรทองอนุมัติรูปแบบจ่ายค่ารักษาฉุกเฉินกรณีเข้ารพ.นอกสิทธิ คาดเริ่มใช้ก่อนสิ้นปีนี้ ประกาศเป็นของขวัญปีใหม่คนไทย

ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บอร์ดสปสช.) กล่าวว่า เมื่อเร็วๆนี้บอร์ดสปสช.มีมติเห็นชอบรูปแบบการจ่ายชดเชยกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินของผู้ที่อยู่ในสิทธิ์หลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือบัตรทอง ที่เข้ารับการรักษาพยาบาลกรณีฉุกเฉินในโรงพยาบาลที่ไม่ได้ระบุไว้ตามสิทธิ์

โดยภายในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ(สพฉ.) จะส่งรายละเอียดตารางราคาและอัตราจ่าย(Fee Schedule)ที่เพิ่มเติมค่ายาและเวชภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยามาให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) จากนั้นภายในวันที่ 23 ธันวาคม 2559 สปสช.จะลงนามบันทึกความร่วมมือ(เอ็มโอยู:MOU)กับสพฉ. รพ.เอกชน และรพ.นอกระบบที่จะเข้าตามนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ดีทุกสิทธิ

นอกจากนี้ จะประสานไปยังกรมบัญชีกลางที่รับผิดชอบสิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการและประกันสังคมที่รับผิดชอบผู้ประกันให้เข้าร่วมการลงนามดังกล่าวพร้อมกัน เพื่อจะเริ่มดำเนินการเรื่องนี้ได้ทันทีและประกาศเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนไทย แต่หากกรมบัญชีกลางและประกันสังคมยังไม่พร้อม สิทธิบัตรทองก็จะเริ่มดำเนินการก่อน

ด้านนพ.ประจักษวิช เล็บนาค รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) กล่าวว่า รูปแบบการจ่ายชดเชยกรณีการเข้ารักษาพยาบาลฉุกเฉินในโรงพยาบาลนอกสิทธิ แยกเป็น 3 กรณี คือ ผู้ป่วยฉุกเฉินระดับสีแดง สีเหลือง และสีเขียว สำหรับกรณีที่เจ็บป่วยฉุกเฉินสีแดง คือ ระดับวิกฤติ ทั้งผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน ไปสถานบริการที่มีการทำเอ็มโอยู

โดยใน 72 ชั่วโมงแรกให้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นผู้จ่ายในอัตราตามตารางราคาและอัตราจ่าย(Fee Schedule)ตามที่คณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน(กพฉ.)กำหนด หลังจาก 72 ชั่วโมงหากผู้ป่วยสามารถย้ายกลับสถานพยาบาลตามสิทธิ์ได้ให้ย้ายกลับ เว้นกรณีที่ไม่สามารถย้ายกลับได้ทั้งในกรณีที่สถานพยาบาลต้นสังกัดไม่มีเตียงรองรับหรือและอาการผู้ป่วยยังไม่ดีขึ้น กองทุนฯจะจ่ายให้ตามอัตราตารางราคาฯ แต่หากย้ายได้แต่ผู้ป่วยไม่ต้องการย้ายเองนั้น ผู้ป่วยจะต้องเป็นผู้จ่ายค่ารักษาพยาบาลในส่วนหลัง 72 ชั่วโมงเอง

กรณีไปสถานบริการอื่นที่ไม่มีการทำเอ็มโฮยูร่วมกับสปสช.ให้กองทุนฯจ่ายตามอัตราจ่ายเดิมตามข้อบังคับฯคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติว่าด้วย การใช้สิทธิรับบริการสาธารณสุข กรณีที่มีเหตุสมควร กรณีอุบัติเหตุหรือกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน (ฉบับที่ 2)พ.ศ. 2558 โดยผู้ป่วยนอก จ่าย 700 บาทต่อครั้ง ผู้ป่วยในจ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าห้องและค่าอาหาร ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน รายละ 4,500 บาทต่อครั้ง        

กรณีผ่าตัดใหญ่ใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง จ่ายตามจริงแต่ไม่เกินรายละ 8,000 บาท ต่อครั้ง กรณีผ่าตัดใหญ่และใช้เวลาเกินกว่า2ชั่วโมงหรือรักษาในไอซียู จ่ายตามจริงแต่ไม่เกินรายละ 14,000 บาท ต่อครั้งและค่ารถพยาบาล หรือเรือพยาบาลนำส่งจ่ายตามจริง แต่ไม่เกิน 500 บาทต่อครั้ง

ส่วนผู้ป่วยฉุกเฉินระดับสีเหลืองหรือฉุกเฉินเร่งด่วน และสีเขียวคือฉุกเฉินไม่เร่งด่วน ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกให้กองทุนฯจ่ายตามอัตราตามข้อบังคับฯ และหลังจาก 24 ชั่วโมง กรณีไม่สามารถย้ายกลับเข้าระบบได้ทั้งไม่มีเตียงรองรับและอาการผู้ป่วยไม่ดีขึ้นให้กองทุนจ่ายตามราคาเรียกเก็บ แต่หากไม่ย้ายกลับเพราะผู้ป่วยไม่ย้าย ผู้ป่วยจะต้องจ่ายค่ารักษาเอง

นพ.จรัล ตฤณวุฒิพงษ์ กรรมการบอร์ดสปสช. กล่าวว่า ขณะนี้มีรพ.เอกชนจะเอ็มโอยูกับสปสช.เพื่อเข้าร่วมนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินฯด้วยความสมัครใจแล้ว 90 % แต่หลังจากที่พรบ.สถานพยาบาล พ.ศ... ฉบับใหม่ที่ผ่านสภนิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)แล้ว มีผลบังคับใช้ รพ.เอกชนทุกแห่งจะต้องเข้าร่วมนโยบายนี้ทั้งหมด