'ศรีสุวรรณ' จี้ผู้ตรวจฯสอบจริยธรรม 'ศานิตย์'

'ศรีสุวรรณ' จี้ผู้ตรวจฯสอบจริยธรรม 'ศานิตย์'

"ศรีสุวรรณ" ร้องผู้ตรวจฯ สอบจริยธรรม "พล.ต.ท.ศานิตย์" เหตุนั่งที่ปรึกษาบริษัทเอกชน ชี้เข้าข่ายผลประโยชน์ขัดกัน แนะลาออก

ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินผ่านนายธาวิน อินทรจำนงค์ รองเลขาธิการผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบการกระทำเข้าข่ายผิดประมวลจริยธรรมของข้าราชการตำรวจและข้าราชการการเมืองของพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) กรณีปรากฎข้อมูลในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินที่ยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า มีรายได้จากการเป็นที่ปรึกษาบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งตั้งแต่ปี 2558 ในอัตราเดือนละ 50,000 บาท

โดยนายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวขัดต่อประมวลประมวลจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และประมวลจริยธรรมข้าราชการตำรวจ ข้อ 12(1)-(6) ที่ระบุว่า ข้าราชการตำรวจต้องมีความซื่อสัตย์ สุจริต ยึดมั่นในศีลธรรม ยึดประโยชน์ส่วนรวมเหนือประโยชน์ส่วนตัว โดยต้องประพฤติตน เช่น ไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ อำนาจหน้าที่ ไปในทางจูงใจหรือมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ ไม่รับของขวัญนอกเหนือจากโอกาส และกาลประเพณีนิยม และของขวัญต้องมีมูลค่าตามที่ป.ป.ช.ประกาศกำหนด ไม่ใช้เวลาราชการหรือทรัพย์ราชการเพื่อธุรกิจหรือประโยชน์ส่วนตน ไม่ประกอบอาชีพเสริมที่มีลักษณะเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน หรือขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตน เนื่องจากบริษัทเอกชนดังกล่าวนั้นดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ต้องถูกควบคุมตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกกอฮอล์ 2551 ซึ่งพล.ต.ท. ศานิตย์ เป็นข้าราชการตำรวจ เป็นคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กรุงเทพมหานคร ถือเป็นผู้ที่ต้องบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวอย่างเคร่งครัด แต่การไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาบริษัทฯ อาจทำให้มีการย่อหย่อน หรือ ยักคิ้วหลิ่วตา ในการควบคุมดูแลซึ่งที่มีการปล่อยปละละเลยให้มีการดื่ม หรือจำหน่าย เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผิดกฎหมายขณะนี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะผบช.น ไปเป็นที่ปรึกษา ดังนั้นกรณีดังกล่าวจึงเข้าข่ายผลประโยชน์ขัดกัน

นอกจากนี้ ยังพบว่าการเป็นที่ปรึกษาดังกล่าวยังเข้าข่ายผิดพ.ร.ป.ปปช. มาตรา 100 (4) ที่ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนได้เสียเป็นกรรมการ ที่ปรึกษา ตัวแทน หรือลูกจ้างในธุรกิจเอกชนที่อยู่ภายใต้การกำกับ ดูแล ควบคุม หรือตรวจสอบของหน่วยงานรัฐที่เจ้าหน้าที่รัฐผู้นั้นสังกัดอยู่ หรือปฏิบัติหน้าที่อยู่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งโดยสภาพของผลประโยชน์ของธุรกิจของเอกชนนั้นอาจขัดหรือแย้งต่อประโยชน์ส่วนรวม หรือประโยชน์ทางราชการ หรือกระทบต่อความมีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐและมาตรา 103 ที่ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่รัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลนอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมายด้วย

“ด้วยสปิริตของพล.ต.ท.ศานิตย์ ควรลาออกจากผบช.น. ไปเป็นตำรวจธรรมดาเหมือนเดิม และควรลาออกจากสนช.ด้วยเพื่อรักษาสถาบันตำรวจไว้ให้คงอยู่ต่อไป และผู้ตรวจฯ ควรจะไปตรวจสอบเพิ่มเติมด้วยว่าบริษัทดังกล่าวได้มีการจ้างข้าราชการอื่นไปเป็นที่ปรึกษาเพื่อประโยชน์ของกิจการอีกหรือไม่ เพื่อสร้างความโปร่งใสให้กับวงราชการด้วย”นายศรีสุวรรณ กล่าว