จับตา! อีเวนท์ 'ยิ่งลักษณ์' สร้างหรือเกาะกระแสอะไร?

จับตา! อีเวนท์ 'ยิ่งลักษณ์' สร้างหรือเกาะกระแสอะไร?

เปิดประเด็นร้อน จับตา! อีเวนท์ "ยิ่งลักษณ์" สร้างหรือเกาะกระแสอะไร?

อีเวนท์ข้าวของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกฯ สร้างความฮือฮาไม่น้อย โดยเฉพาะมหกรรมขายข้าวช่วยชาวนา ที่ดึงเรตติ้งของรัฐบาลตกฮวบฮาบเลยทีเดียว

งานนี้ นอกจากรัฐบาลต้องเสียหน้าแล้ว พรรคคู่แข่งยังถึงกับเสียแต้มอีกด้วย เพราะกลายเป็นว่าถูก “ยิ่งลักษณ์” แย่งซีนเรื่องการแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำไปเต็มๆ

ย้อนไปดูที่มาที่ไปของอีเวนท์ข้าวกันบ้างว่า จริงๆ แล้วเดิมที ก็ไม่ได้มีการวางเป้าหมายอะไรไว้ เพียงแต่ทีมงาน “ยิ่งลักษณ์” ตาไว ไปเห็นเรื่องในโซเชียลมีเดียว่า

มีการรวมกลุ่มกันของลูกชาวนาที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยนำข้าวมาขายที่มหาวิทยาลัยเพื่อช่วยพ่อแม่ เพราะข้าวเปลือกราคาตกต่ำอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จึงกลายเป็นตัวตั้งตัวตีไปโดยปริยาย ในการให้ลูกชาวนามาร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อให้เกิดการรณรงค์การขายข้าวของลูกชาวนาเพื่อช่วยพ่อแม่ขึ้น

เมื่อทีมงาน “ยิ่งลักษณ์” ได้เข้าไปพูดคุยกับลูกชาวนาเหล่านี้เพื่อดูว่า จะมีช่องทางใดบ้างที่พอจะเข้าไปให้ความช่วยเหลือได้ ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่า อยากให้ช่วยหาตลาดให้กับเขา โจทย์ต่อมาคือ ถ้าเข้าไปช่วยทำการตลาดให้ นั่นหมายความว่า สุดท้ายอาจจะกลายเป็นการทำข้าวถุงยี่ห้อ “ยิ่งลักษณ์” ขาย เพราะคงไม่มีการตลาดไหนที่จะขายง่ายและขายเร็วไปกว่านี้อีกแล้ว

แต่มันคงจะไม่เวิร์คนัก เพราะถ้าคิดจะทำแบบนั้นจริงๆ ต้องถามว่า ใครที่จะอาสามาเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนนี้ และจะให้ชาวนาไปขายข้าวที่ไหน ส่วนฝ่ายตรงข้ามก็อาจจะนำไปโจมตีจนกลายเป็นประเด็นทางการเมืองไป ทำให้เจตนาดีที่ต้องการเข้าไปช่วยขายข้าวให้ชาวนาต้องพังลงแบบไม่เป็นท่า จึงได้ข้อสรุปในที่สุดว่า ให้ “ยิ่งลักษณ์” ไปซื้อเองถึงที่เลยน่าจะดีที่สุด

จากนั้นก็พบว่า ในโซเชียลมีเดียมีการโพสข้อความต่อๆ กันว่า ที่จ.อุบลราชธานีมีชาวนานำข้าวมาขายในราคาเพียงแค่กิโลกรัมละ 20 บาท ตรงนี้จึงตอบโจทย์ได้ทันที เป็นที่มาของการตัดสินใจไปที่จ.อุบลราชธานีของ “ยิ่งลักษณ์”

ตบท้ายด้วยอีเวนท์อีกเล็กน้อยเกี่ยวกับข้าวเหนียวของชาวไทลื้อ ที่ขึ้นชื่อว่าข้าวเหนียวของชาวไทลื้อนั้นโดดเด่นเรื่องความไม่แข็งกระด้าง

ว่าไปแล้ว หากมองเผินๆ ก็คงเหมือนไม่มีอะไร แต่ถ้ามองให้ลึกๆ แล้วจะเห็นว่า การเดินสายทำบุญของ “ยิ่งลักษณ์” ทุกครั้งนั้นมันแค่รูทีน แต่สิ่งที่แฝงไว้ลึกๆ ในข้ออ้างว่า เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลก็ดี หรือเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ก็ดีคือ การเดินสายเพื่อพบปะประชาชนที่เป็นฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยอย่างสม่ำเสมอนั่นเอง

กลยุทธ์นี้ต่างหากที่รัฐบาลและพรรคการเมืองคู่แข่งโดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ถือว่าเสียท่าที่ปล่อยให้ “ยิ่งลักษณ์” โกยคะแนนได้เป็นกอบเป็นกำขนาดนี้

ว่ากันว่า ทีมงาน “ยิ่งลักษณ์” วางแผนงานจัดอีเวนท์ไว้คร่าวๆ ยาวไปจนเกือบถึงวันเลือกตั้งแล้ว ต้องทำอะไร ที่ไหน อย่างไรบ้าง เชื่อเถอะว่า นับตั้งแต่ต้นปี 2560 เป็นต้นไป ทั้งตัวเลขส่งออกก็ดี ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่หายไปก็ดี หรือปัญหาปากท้องของชาวบ้านก็ดี จะทยอยถูกทีมงาน “ยิ่งลักษณ์” จับมาทำเป็นอีเวนท์แทบทั้งสิ้น

ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่า วันที่ “ทักษิณ” เรตติ้งตก แต่ “ยิ่งลักษณ์” กลับทำเรตติ้งสูงพยุงพรรคเพื่อไทยไว้แทน ดังนั้น ยิ่งกระหน่ำโจมตีโครงการรับจำนำข้าวมากเท่าไหร่ เรตติ้ง “ยิ่งลักษณ์” จึงยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น ในขณะที่รัฐบาลกลับเน้นการแก้เกี้ยวมากกว่าเน้นการแก้ปัญหา ตั้งแต่โครงการรับจำนำยุ้งฉาง ที่ดูยังไงๆ ก็หนีไม่พ้นถูกมองว่าวิ่งตาม “ยิ่งลักษณ์” แบบเสียไม่ได้

หรือการที่รัฐบาลให้เงินช่วยเหลือชาวนานั้น ในทางปฏิบัติรัฐบาลก็ต้องหน้าแตกอีก เพราะเงินเหล่านี้มันแทบจะช่วยอะไรไม่ได้เลย มิหนำซ้ำเม็ดเงินยังตกไปอยู่ที่ร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่หรือพ่อค้าหวยเสียเป็นส่วนใหญ่อีกต่างหาก

พูดง่ายๆ ว่า ไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาในระยะยาว แค่ช่วยผ่อนลมหายใจให้กับชาวนาแค่เดือนเดียวก็ถือว่าเต็มกลืนแล้ว ขณะที่ปัญหาหนี้สินนั้นแทบจะไม่ได้ถูกแก้ไขไปเลย

งานนี้ห้ามกระพริบตา เชื่อว่าอีเวนท์ต่อไปของ “ยิ่งลักษณ์” จะยังสร้างความฮือฮาให้กับรัฐบาลและพรรคการเมืองคู่แข่งอีกอย่างแน่นอน ที่พูดแบบนี้ก็เพราะว่า ปัญหาปากท้องคนจน และปัญหาเศรษฐกิจของประเทศนั้น ล้วนเปิดช่องให้ “ยิ่งลักษณ์” หยิบมาทำอีเวนท์ได้ทั้งสิ้น