'ปลิว'รับโมเดลธุรกิจรถไฟฟ้าชมพู-เหลืองสู้'บีทีเอส'ไม่ได้

'ปลิว'รับโมเดลธุรกิจรถไฟฟ้าชมพู-เหลืองสู้'บีทีเอส'ไม่ได้

"ปลิว" ยอมรับโมเดลธุรกิจรถไฟฟ้าชมพู-เหลืองสู้ "กลุ่มบีทีเอส" ไม่ได้ ยันไม่กระทบผลประกอบการ "ช.การช่าง" เพราะมีงานในมือถึง 8 หมื่นล้านบาท

นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เปิดเผยถึงผลการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี วงเงิน 5.4 หมื่นล้านบาทและรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง วงเงิน 5.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งกิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ที่นำโดยบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เป็นเอกชนที่ผ่านการประเมินสูงสุดว่า
BEM ยื่นข้อเสนอด้านการลงทุนและผลตอบแทนอย่างเต็มที่ แต่ยอมรับว่าสู้ได้แค่นี้ โดยตอนนี้กำลังพิจารณาอยู่ว่ารายละเอียดต่างๆ เพราะ BEM ก็มั่นใจว่าได้ยื่นข้อเสนอดีที่สุดเท่าที่ทำได้แล้ว

สำหรับผลการประเมินเบื้องต้นตอนนี้คือ กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ยื่นขอรับการอุดหนุนจากภาครัฐต่ำกว่า BEM และมีสิทธ์ชนะการประมูล แต่คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ. เอกชนร่วมลงทุนฯ (PPP) ก็ยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาข้อเสนอและยังไม่ได้แจ้งผลกับ BEM อย่างเป็นทางการ แต่หากผลออกมาว่า BEM แพ้การประมูล ก็จะไม่ยื่นอุทรณ์

"วิธีการดูโมเดลธุริจของเราอาจสู้อีกกลุ่มไม่ได้ เช่น อีกกลุ่มอาจจะเสนอต่อสายสีชมพูไปถึงเมืองทองธานี ซึ่งเป็นโครงการเสริมที่ทำให้มีรายได้มากขึ้นและต้นทุนลดลง หรือเสนอต่อสายสีเหลืองมาถึงแยกรัชโยธินซึ่งเสริมให้มีรายได้มากขึ้น ตรงนั้นทำให้โมเดลธุรกิจดีขึ้นด้วย" นายปลิวกล่าว
สำหรับการประมูลโครงการรถไฟฟ้ารูปแบบ PPP อื่นๆ คงไม่ใช่ปัญหาสำหรับ BEM แม้บริษัทฯ อาจจะแพ้การประมูลรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง เพราะแต่ละสายก็มีวิธีการคิดเรื่องผลประโยชน์ รายได้และความเสี่ยงแตกต่างกัน

ด้านการประมูลงานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ที่จะเปิดข้อเสนอซองที่ 3 ด้านราคา จำนวน 5 สัญญา รวมมูลค่า 7.4 หมื่นล้านบาทวันนี้ (9 ธ.ค.) บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ผู้ถือหุ้นใหญ่ BEM ก็เสนอราคาอย่างเต็มที่ทุกสัญญา แต่ก็ต้องรอผลว่าจะชนะที่สัญญา

อย่างไรก็ตาม นายปลิว กล่าวว่า การประมูลงานรถไฟฟ้าจะไม่ส่งผลกระทบกับผลประกอบการของ ช.การช่าง ที่มีงานในมือสูงถึง 80,000 ล้านบาท โดยหากบริษัทฯ ประมูลโครงการรถไฟฟ้าไม่ได้เลยก็ยังมีรายได้ 30,000-40,000 ล้านบาทต่อปี ในอีก 3 ปีข้างหน้า อีกทั้งยังมีโครงการอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างรอการลงนามในสัญญา ส่วนรายได้ในปีนี้ก็ไม่ตกลงและจะมากกว่าปีก่อนอย่างแน่นอน