อัดฉีดงบกลางปี1.9แสนล. เริ่มเบิกจ่ายเงินก.พ.ปีหน้า

อัดฉีดงบกลางปี1.9แสนล. เริ่มเบิกจ่ายเงินก.พ.ปีหน้า

ครม.ไฟเขียวเพิ่มงบกลางปี 1.9 แสนล้านบาท กู้เพิ่ม 1.62 แสนล้าน คาดเสนอ สนช.ทันปลายเดือน ม.ค. พร้อมอนุมัติวงเงินสู่ระบบได้ในเดือน ก.พ.ปีหน้า

คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการจัดทำงบประมาณกลางปี 2560 วงเงิน 190,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับชุมชนตามนโยบายของรัฐบาล หลังจากประเมินว่าในปีหน้าเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวและเศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงที่จะชะลอตัวจากหลายปัจจัย

งบประมาณดังกล่าวจะมาจากเงินกู้ 162,921.7 ล้านบาท และภาษีและรายได้อื่นๆ 27,078.3 ล้านบาท

การเพิ่มวงเงินงบประมาณกลางปีครั้งนี้ เมื่อรวมกับวงเงินงบประมาณเดิม 2,733,000 ล้านบาท จะทำให้งบประมาณปี 2560 มีทั้งสิ้น 2,923,000 ล้านบาท และจากการกู้เงินเพิ่มขึ้นจะทำให้วงเงินกู้สำหรับปีงบประมาณจากกู้ชดเชยงบประมาณ 390,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 552,921.7 ล้านบาท จากเพดานที่รัฐบาลสามารถกู้ได้ตามกฎหมายงบประมาณ 611,549.4 ล้านบาท

การจัดทำงบประมาณกลางปีในครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลเตรียมออกมา โดยก่อนหน้านี้ได้อนุมัติการลดหย่อนภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายการท่องเที่ยววงเงิน 15,000 บาทไปแล้ว ส่วนการหักค่าลดหย่อนการจับจ่ายใช้สอย 30,000 บาท ยังไม่ผ่านการพิจารณาของ ครม.

นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่างบประมาณในส่วนนี้จะนำไปสู่การปฏิรูปการจัดทำงบประมาณในรูปแบบกลุ่มจังหวัด และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนตามนโยบายของรัฐบาลและแนวทางของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี

สำหรับการจัดทำงบประมาณกลางปี 2560 วงเงิน 1.9 แสนล้านบาทแหล่งที่มาของเงินประกอบไปด้วยเงินกู้เพื่อขาดดุลการชดเชยงบประมาณ 162,921.7 ล้านบาท และภาษีและรายได้อื่นๆ 27,078.3 ล้านบาท

งบประมาณในส่วนนี้จะนำไปใช้ใน 3 ส่วน ประกอบไปด้วยการใช้จ่ายในโครงการพัฒนากลุ่มจังหวัดวงเงิน 1 แสนล้านบาท งบประมาณที่จัดสรรให้กับกองทุนหมู่บ้านหมู่บ้านละ 500,000 บาท รวมวงเงินประมาณ 6 หมื่นล้านบาท และวงเงินเพื่อชดเชยเงินคงคลังของรายจ่ายงบประมาณในปีที่ผ่านมา 27,078.3 ล้านบาท

การตั้งงบประมาณเพื่อชดใช้เงินคงคลังในครั้งนี้ กระทรวงการคลังแจ้งว่าแหล่งที่มาของรายได้ชดใช้เงินคงคลังจะมาจากการนำรายได้และสภาพคล่องส่วนเกินและกำไรสะสมของรัฐวิสาหกิจและส่วนราชการอื่นๆมาเป็นรายจ่ายในการชดเชยเงินคงคลัง

ทั้งนี้กรอบวงเงินสูงสุดที่รัฐบาลสามารถกู้เงินได้ตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2560 ตาม พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 21 มีจำนวนรวม 611,549.4 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลได้มีการตั้งงบประมาณขาดดุลไปแล้วทั้งสิ้น 3.9 แสนล้านบาท ดังนั้นจึงยังมีวงเงินที่กู้ได้อีกประมาณ 221,549.4 ล้านบาท แต่รัฐบาลได้ดำเนินการกู้เงินเพิ่มเติมอีกเพียงประมาณ 1.6 แสนล้านบาทเศษ เพื่อนำมาเป็นงบประมาณเพิ่มเติมในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ

ส่วนอีกประมาณ 2.7 หมื่นล้านบาทเศษเป็นการตั้งงบประมาณเพื่อชดเชยรายจ่ายเพื่อชดเชยเงินคงคลังของรายจ่ายในปีที่ผ่านมา

นอกจากนั้น ที่ประชุม ครม.ยังได้เห็นชอบการจัดตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการตามแนวทางการสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งจะเป็นคณะกรรมการที่มีความสำคัญในการจัดทำงบประมาณและโครงการสำหรับการลงทุนในกลุ่มจังหวัดทั้ง 18 จังหวัด โดยผู้แทนประกอบไปด้วยสำนักงบประมาณ ผู้แทนจากกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และตัวแทนจากภาคเอกชนที่เป็นตัวแทนของคณะกรรมการร่วมรัฐและเอกชน (กรอ.)

คณะกรรมการชุดนี้จะมีส่วนร่วมในการกลั่นกรองโครงการต่างๆที่กลุ่มจังหวัดมีการเสนอเข้ามาภายในวันที่ 28 ธ.ค.นี้ตั้งแต่ขั้นตอนการเสนอโครงการที่จะมีการทำเวิร์คช็อปร่วมกัน จากนั้นคณะกรรมการกลั่นกรองฯจะพิจารณาโครงการต่างๆ ให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์และนำเสนอ ครม.ภายในวันที่ 17 ม.ค.2560 หลังจาก ครม.เห็นชอบจะนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อให้ พ.ร.บ.งบประมาณเพิ่มเติมปี 2560 มีผลบังคับใช้ในเดือน ก.พ.ปีหน้า

“การจัดทำงบประมาณกลางปีเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจชุมชนในครั้งนี้การพิจารณาโครงการต่างๆจะมีการพิจารณาได้รวดเร็วเนื่องจากในการคัดเลือกและเสนอโครงการคณะกรรมการกลั่นกรองจะลงไปทำงานกับกลุ่มจังหวัดตั้งแต่ในขั้นตอนคัดเลือกโครงการเพื่อเสนอมาให้สำนักงบประมาณพิจารณา” นายสมศักดิ์ กล่าว