ธปท.ชี้แก้ก.ม.‘เอฟไอดีเอฟ’หวังป้องแบงก์เกิดปัญหา

ธปท.ชี้แก้ก.ม.‘เอฟไอดีเอฟ’หวังป้องแบงก์เกิดปัญหา

“แบงก์ชาติ” ชี้แก้กฎหมายเพื่อให้ระบบการเงินไทยมีกระบวนการรองรับอย่างครบถ้วนในกรณีที่แบงก์พาณิชย์เกิดปัญหา ย้ำสอดคล้องหลักสากลในหลายประเทศ

นางฤชุกร สิริโยธิน รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ธปท. ได้เสนอร่างแก้ไขพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ...) พ.ศ. ... เพื่อทดแทนบทเฉพาะกาลมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 ที่ได้สิ้นสุดลงตั้งแต่ปี 2555 และวานนี้ ครม. มีมติอนุมัติหลักการการแก้ไขพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย (พ.ร.บ. ธปท.) ดังกล่าวแล้ว

การแก้ไข พ.ร.บ. ธปท. ดังกล่าว มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้มีกลไกดูแลแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจการเงินโดยรวม ซึ่งจะทำให้ระบบการเงินไทยมีกระบวนการรองรับในเรื่องนี้อย่างครบถ้วน ซึ่งถือเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันไว้ล่วงหน้าในภาวะที่สถาบันการเงินไทยขณะนี้มีความเข้มแข็งและมีเสถียรภาพดี

ทั้งนี้กลไกและวิธีการดังกล่าว สอดคล้องกับหลักการสากลที่หลายประเทศได้มีการปรับกรอบกฎหมายให้รองรับการแก้ไขปัญหาภายหลังวิกฤติเศรษฐกิจโลก โดยมีการจัดตั้งกองทุนเป็นเครื่องมือดำเนินการ ในกรณีของไทยนั้นมีกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินซึ่งคล้ายกับกองทุนดังกล่าวแล้ว นอกจากนี้ในประเด็นความเสียหายนั้น ร่างกฎหมายใหม่นี้ได้ให้สถาบันการเงินในระบบเป็นผู้รับภาระความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

สำหรับหนี้ที่อยู่ภายใต้การดูแลกองทุนฟื้นฟูฯ ณ สิ้นเดือนต.ค.2559มีจำนวน 948,638.84 ล้านบาท แบ่งเป็น หนี้เอฟไอดีเอฟ1 จำนวน 372,119.04 ล้านบาท และหนี้เอฟไอดีเอฟ 3 จำนวน 576,519.80 ล้านบาท เทียบกับยอดหนี้ที่รับโอนมา เมื่อวันที่ 27 ม.ค.2555 ซึ่งมีจำนวน 1,138,305.59 ล้านบาท แบ่งเป็น หนี้เอฟไอดีเอฟ1 จำนวน 463,275.20 ล้านบาท และหนี้เอฟไอดีเอฟ 3 จำนวน 675,030.69 ล้านบาท