ยอโควิช & เบ็คเกอร์ เมื่องานเลี้ยงเลิกรา

ยอโควิช & เบ็คเกอร์ เมื่องานเลี้ยงเลิกรา

หลังจากร่วมงานกันมา 3 ปีเต็ม โนวัค ยอโควิช นักเทนนิสมือ 2 ของโลกชาวเซอร์เบีย

 ก็ตัดสินใจแยกทางกับ บอริส เบ็คเกอร์ โค้ชชาวเยอรมนีอย่างเป็นทางการแล้ว

“ผมอยากขอบคุณเขาสำหรับความร่วมมือ ทีมเวิร์ค ความทุ่มเทและมุ่งมั่นที่มีให้” ยอโควิช กล่าวถึงอดีตโค้ชคู่ใจ “เราบรรลุเป้าหมายที่เคยตั้งไว้แล้ว”

3 ปีในการทำงานร่วมกัน เบ็คเกอร์ ช่วยให้ ยอโควิช คว้าแชมป์ แกรนด์สแลม ถึง 6 รายการ ในจำนวนนี้ รวมถึงรายการที่เจ้าตัวรอคอยมาตลอดชีวิตอย่าง เฟรนช์ โอเพน และใน 4 รายการหลังสุด ยังเป็นการคว้าแชมป์ติดต่อกันอีกด้วย

อย่างไรก็ดี ภายหลังอยู่ในตำแหน่งมือหนึ่งโลกนาน 122 สัปดาห์ ยอโควิช ก็ถูก แอนดี มาร์รีย์ แซงหน้าขึ้นไป และนั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ “โนเล” จำเป็นต้องมองหา “สิ่งใหม่ๆ” เพื่อการทวงบัลลังก์คืนอีกครั้งในปีหน้า

ยอดนักกีฬาสู่ยอดโค้ช

อดีตมือหนึ่งโลกชาวเยอรมนี เป็นเจ้าของสถิติแชมป์วิมเบิลดัน อายุน้อยที่สุด ในปี 1985 (17 ปี 227 วัน - ก่อนถูก ไมเคิล ชาง ทำลายในอีกสี่ปีถัดมา) ก่อนประกาศอำลาวงการในปี 1999 ด้วยผลงานคว้าแชมป์แกรนด์สแลม 6 รายการ เดวิส คัพ 2 สมัย ฮอพแมน คัพ 1 สมัย และเหรียญทองโอลิมปิก ประเภทชายคู่ ที่บาร์เซโลนา

หลังรีไทร์ ทางเลือกของอดีตมือหนึ่งโลกชาวเยอรมนี คือการเป็นนักโป๊กเกอร์มืออาชีพ ใน ยูโรเปียน โป๊กเกอร์ ทัวร์ ส่วนในธุรกิจสื่อ เบ็คเกอร์ ก็เคยร่วมงานกับเกมโชว์ทางโทรทัศน์ในสหราชอาณาจักร They Think It's All Over ช่วงสั้นๆ เข้าสู่แพลทฟอร์มออนไลน์ ด้วย Boris Becker TV รวมถึงการรับเป็นคอมเมนเตเตอร์ให้สถานีโทรทัศน์ บีบีซี ในช่วงที่มีการแข่งขันวิมเบิลดัน 

กระทั่งในเดือนธ.ค. 2013 เบ็คเกอร์ ก็ตัดสินใจยุติการเป็นคอมเมนเตเตอร์ให้ บีบีซี ที่ทำมานานกว่าสิบปี เพื่อหวนคืนสู่วงการเทนนิสอย่างเต็มตัวอีกครั้ง ในฐานะโค้ชของ ยอโควิช

โนเล สแลม’

ก่อนมีโอกาสร่วมงานกับ เบ็คเกอร์ ยอโควิช ถูกยกให้อยู่ในกลุ่ม “บิ๊กโฟร์” ร่วมกับ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์, ราฟาเอล นาดาล และ แอนดี มาร์รีย์ ก็จริง แต่ในภาพรวมนั้น “ยังไปไม่ถึงจุดสูงสุด” 

ในระดับ แกรนด์สแลม มีเพียง ออสเตรเลียน โอเพน ที่เจ้าตัวคว้าแชมป์ได้ทั้งหมด จากการผ่านเข้าชิง 4 ครั้ง ขณะที่รายการอื่นๆ ไม่ว่าจะ เฟรนช์ โอเพน, วิมเบิลดัน หรือ ยูเอส โอเพน มักจบลงด้วยการอกหักเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะที่ โรลังด์ การ์โรส์ แม้จะผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศถึง 5 ครั้ง แต่มีเพียงหนเดียวที่ได้เข้าชิงชนะเลิศ คือในปี 2012 และก็แพ้ให้กับ นาดาล แบบหมดรูป 3-1 เซตด้วย

ส่วนใน วิมเบิลดัน “โนเล” ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ 5 ครั้งเท่ากัน และเข้าถึงรอบชิงฯ 2 หน ได้แชมป์ 1 หน ในปี 2011 จากชัยชนะเหนือ นาดาล ส่วนใน ยูเอส โอเพน ยอโควิช ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศเป็นอย่างน้อย ตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา แต่กลับคว้าแชมป์ได้เพียงหนเดียวในปี 2011 จากการเข้าชิง 5 ครั้ง

กลับกัน นับจากปี 2014 ถึงปัจจุบัน ที่ได้ เบ็คเกอร์ มาช่วยขัดเกลา ยอโควิช คว้าแชมป์ แกรนด์สแลม ได้ถึง 6 รายการ หรือใช้เวลาเพียงครึ่งเดียวของการได้แชมป์ 6 รายการก่อนหน้า (2007-2013)

แบ่งเป็น ออสเตรเลียน โอเพ่น ในสองปีหลังสุด วิมเบิลดัน ในปี 2014 และ 2015 รวมถึง ยูเอส โอเพ่น ที่เข้ารอบรองชนะเลิศสามปีซ้อน ได้ชิงชนะเลิศสองหน และแชมป์หนึ่งหน

แต่ที่สำคัญที่สุด คงไม่พ้นการคว้าแชมป์หนแรกในรายการที่เปรียบเสมือนของแสลงสำหรับเจ้าตัวอย่าง เฟรนช์ โอเพ่น เมื่อเดือนมิ.ย. จนเป็นที่มาของ “โนเล สแลม”

แผ่วปลาย

กระนั้น หลังสิ้นสุดนัดชิงชนะเลิศ เฟรนช์ โอเพ่น ดูเหมือนมนต์ขลัง ระหว่าง “โนเล-เบ็คเกอร์” จะเริ่มจางหาย กอปรกับอาการบาดเจ็บเรื้อรัง ทำให้ ยอโควิช ไม่สามารถรักษาระดับความสุดยอดไว้ได้ ทั้งการตกรอบ 3 วิมเบิลดัน ด้วยการแพ้ มิลอส ราโอนิช 3 เซตรวด พลาดทำสถิติผ่านเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศรายการเมเจอร์ 29 รายการติดต่อกัน

ในเดือนส.ค. ยอโควิช ก็พลิกพ่าย ฮวน มาร์ติน เดล ปอโตร ในรอบแรกเทนนิสชายเดี่ยว โอลิมปิก รายการเดียวที่เจ้าตัวยังไม่เคยได้สัมผัสแชมป์ จนถึงกับร่ำไห้ต่อหน้าทุกคนหลังจบแมตช์

ส่วนในยูเอส โอเพ่น ยอโควิช ที่ทำท่าจะฟื้นกลับมา ก็ไปพลาดแพ้ต่อ สแตน วาวรินกา ในนัดชิงชนะเลิศ นับแต่นั้น คะแนนสะสมใน เอทีพี ทัวร์ ของเจ้าตัวก็ค่อยๆถูก แอนดี มาร์รีย์ ไล่ตีตื้น กระทั่งแซงหน้าไปได้ในที่สุด การแพ้ในนัดชิงชนะเลิศ เอทีพี เวิลด์ ทัวร์ ไฟนอลส์ ที่ลอนดอน ต่อ มาร์รีย์ ก็ตอกย้ำให้ “โนเล” ต้องจบปี 2016 ในฐานะนักเทนนิสมือ 2 ของโลกแทน

“ผมต้องขอบคุณเขาเช่นกัน! ที่ผ่านมา คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเรา” เบ็คเกอร์ ทวีตถึง ยอโควิช หลังต่างฝ่ายตัดสินใจแยกย้ายไปตามทาง

โค้ชชาวเยอรมนี ยังให้ทรรศนะถึงผลงานที่ดร็อปลงไปของ ยอโควิช ด้วย ว่าส่วนหนึ่งมาจากความฮึกเหิมที่ลดน้อยลง เพราะขาดคู่แข่งสำคัญอย่าง นาดาล และ เฟเดอเรอร์ ที่บาดเจ็บและอายุมากขึ้น ขณะเดียวกัน ความพ่ายแพ้ต่อ มาร์รีย์ ก็จะเป็นแรงกระตุ้นใหม่ให้นักหวดจากเซอร์เบียกลับมามีความกระหายอีกครั้ง

ที่ผ่านมา แอนดี มักถูกมองว่าเป็นรองอีกสามคน แต่ปีนี้ เขาแสดงให้เห็นว่ามีดีกว่าที่ทุกคนคิด นี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับ โนวัค ในปี 2017 ก็ได้”