ราคาน้ำมันเริ่มมีอัพไซด์จำกัด ทำให้ตลาดเริ่มหมุนตัวเก็งกำไร

ราคาน้ำมันเริ่มมีอัพไซด์จำกัด ทำให้ตลาดเริ่มหมุนตัวเก็งกำไร

เก็งกำไรด้วยวงเงินจำกัด และเพิ่มความระมัดระวังความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก

เราคาดจิตวิทยาการเก็งกำไรระยะสั้นยังเป็นบวก จากคาดการณ์ธนาคารกลางยุโรปจะขยายเวลามาตรการ QE อีกทั้งแรงขายนักลงทุนต่างชาติชะลอ และกลับมาเป็นผู้ซื้อสุทธิ 1,247 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เราคงมุมมองว่าราคาน้ำมันในระดับที่สูงกว่า 50 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล จะทำให้อัพไซด์ของหุ้นในกลุ่มพลังงานเริ่มจำกัด ดังนั้นเราคาดตลาดจะเริ่มหมุนตัวเล่น และการผลักดันไปยังหุ้นกลุ่มอื่นมากขึ้น อาทิ ธนาคาร อาหาร และอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น โดยมีหุ้นที่น่าสนใจได้แก่ SCB, KTB, TU, CPF, PSH, ORI*, IVL
ราคาน้ำมันปรับลดลง ราว 2% หลังรายงานตัวเลขการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนพ.ย. แม้จะบรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ ม.ค.60 เป็นต้นไป ทั้งนี้แท้เราคาดราคาน้ำมันเฉลี่ยจะขยับสูงขึ้น แต่ Futures curve ที่แบราบมากขึ้น บ่งชี้ว่าระดับการเพิ่มของราคาจากนี้จะค่อยเป็นค่อยไป

ทั้งนี้ตลาดธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประชุมวันที่ 8 ธ.ค.59 ซึ่งจากการส่งสัญญาณของผู้ว่าการฯ มาริโอ ดรากี มีความเป็นไปได้ที่ ECB จะขยายอายุมาตรการ QE ไปอีก 6 เดือน จากสิ้นสุด มี.ค.60 เป็น ก.ย.60

คาดการณ์หุ้นเข้า-ออก SET50: (+) GL, THAI, JAS, SPRC, GLOBAL, KKP, PTG, SCCC / (-) BEC, TASCO, TTW, SAWAD, MTLS, BCP, TPIPL, WHA //

คาดการณ์หุ้นเข้า-ออก SET100: (+) JAS, SPRC, SUPER, VIBHA, TKN, BIG, THANI, GFPT, SCCC/ (-) TRC, BJCHI, RS, ERW, JWD, SVI, WORK, HANA, IFEC 

สำหรับปัจจัยติดตามที่สำคัญ: 7 ธ.ค. – รายงานสำรองปิโตรเลียม สหรัฐฯ / 7 ธ.ค. – ติดตามครม.อนุมัติมาตรการ “ช้อปช่วยชาติ” / 13-14 ธ.ค. - ประชุมเฟด (ทราบผลเช้า 15 ธ.ค.) / 21 ธ.ค. - การปรับลด GDP โดยธปท.

คำแนะนำทางกลยุทธ์ : เก็งกำไรด้วยวงเงินจำกัด และเพิ่มความระมัดระวังความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก เมื่อเข้าสู่ช่วง ธ.ค.อันเนื่องมาจากความเสี่ยงจากการปรับลดประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจ ยังสามารถเลือกเก็งกำไรหุ้นได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสิ้นปี ท่องเที่ยว รวมถึงที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวได้ // หุ้น top pick เชิงกลยุทธ์ TU, KTB, PSH / เก็งกำไร TLUXE*, FN*, UTP*

แนวรับ/แนวต้าน : 1495/1515-1520 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

ประเด็นเก็งกำไรเชิงกลยุทธ์

• มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ: กลุ่มค้าปลีกและผู้จำหน่ายสินค้าไอที รวมถึงกระเบื้อง TK, S11, JMART, SYNEX, DCC, DRT / ห้างสรรพสินค้า และโมเดิร์นเทรด ได้แก่ ROBINS, BIGC, MAKRO, CPN, HMPRO / กลุ่มท่องเที่ยว ได้แก่ AOT, ERW, CENTEL และ MINT

• กลุ่มอาหาร/เกษตร/ยาง/เรือ: GFPT*, CPF, TFG*, TU, CFRESH*, STA*, TRUBB*, TTA*, PSL*, RCL*

• หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก USD แข็งค่า: BH, ERW, IRPC, PTT, TU / ยูโรอ่อน: THAI, TPIPL

• หุ้นได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น (เงินเฟ้อ): BLA*, TIP*, EASTW*

(* หุ้นที่ไม่อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH/หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ ผู้ลงทุนควรพิจารณาจุดตัดขาดทุน ราว 3-5%)




ประเด็นหุ้นเก็งกำไรที่น่าสนใจ

• TU (24.50) : กำไรปี 2560 เติบโต 16.6% สูงสุดในกลุ่มอาหาร ได้ปรับประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อน และการเติบโตมีโอกาสดีกว่าคาดจากการเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมในอนาคต สำหรับดีลล่าสุด Red Lobster ซึ่งเป็นเครือข่ายร้านอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก คาดบริษัทสามารถพลิกให้ธุรกิจกลับมากำไรได้ในปี 2560

• KTB (19.50) : หุ้นธนาคารขนาดใหญ่ที่ให้คาดการณ์ผลตอบแทนปันผลสุงสุดที่ 4.7% และจ่ายปันผลครั้งเดียวช่วงต้นปี ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER 8.1x และ 0.90x PBV ซึ่งต่ำมากและช่วยจำกัดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดได้

• PSH (30) : เรามองเป็น dividend yield play ที่ให้ผลตอบแทนจูงใจถึง 9% ผู้บริหารมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2560 ว่าผ่านจุดที่แย่สุดไปแล้ว