'ณรงค์' ย้ำกลุ่มจว.อันดามัน ของบฯปี60คำนึงประโยชน์สูงสุด

'ณรงค์' ย้ำกลุ่มจว.อันดามัน ของบฯปี60คำนึงประโยชน์สูงสุด

รองนายกฯย้ำการจัดทำคำของบประมาณปี 2560 ของกลุ่มจังหวัดอันดามัน จะต้องมีความพร้อมและคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับสูงสุด

เมื่อ เวลา 09.30 น. (6 ธันวาคม 2559) ห้องประชุมชั้น 2 อาคารคอซิมบี้ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต พลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี และคณะลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อมอบนโยบายในการกำกับติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคเขตพื้นที่ราชการที่ 7 กลุ่มภาคใต้ฝั่งอันดามัน

โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดและรองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และตัวแทนภาคเอกชนของแต่ละจังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดภูเก็ต พังงา ระนอง กระบี่ และตรัง เข้าร่วม ทั้งนี้ให้แต่ละจังหวัดนำเสนอข้อมูลจังหวัด ปัญหาความต้องการผลการดำเนินงานในปีงบประมาณที่ผ่านมา รวมทั้งแผนงานโครงการที่จะขอรับการสนับสนุนงบประมาณในปี 2560 เพิ่มเติม

พลเรือเอกณรงค์ กล่าวมอบนโยบายต่อที่ประชุมฯ ว่า รัฐบาลโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายสำคัญในการพัฒนาประเทศไทย ก้าวสู่ Thailand 4.0 และน้อมนำพระราชดํารัส เรื่อง “ระเบิดจากข้างใน” เป็นหลักในการทำงาน โดยสร้างความเข็มแข็งให้กับชุมชน เพื่อพร้อมรับการพัฒนา และไม่ทิ้งใครไว้ด้านหลัง สร้างความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนให้แก่ประชาชน โดยเน้นใช้พื้นที่เป็นฐานในการพัฒนา

รวมทั้งได้มอบนโยบายให้แต่ละจังหวัดค้นหาศักยภาพ จุดแข็งและจุดร่วม ตลอดจนหาความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ขนาดกลางและขนาดใหญ่ เพื่อพัฒนาสู่การเป็น Thailand 4.0 ตลอดจนเน้นย้ำให้แต่ละจังหวัดวางแผนการจัดทำแผนงานโครงการ เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณในปีงบประมาณ 2560

ซึ่งในส่วนของตนนั้นมีงบประมาณฉุกเฉินที่สามารถอนุมัติได้ในกรณีที่เป็นโครงการสำคัญเร่งด่วน จำนวน 50 ล้านบาท จังหวัดละ 10 ล้านบาท เพื่อจัดทำโครงการเร่งด่วน และที่สำคัญในการเสนอของบประมาณนั้นควรจะมีความพร้อม เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหา เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่า เมื่อมีการอนุมัติงบประมาณไปแล้วไม่สามารถทำได้ เพราะขาดความพร้อมหรือบางครั้งต้องได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานอื่นก่อน ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดก็ควรจะมีการขออนุญาตก่อน รวมทั้งจะต้องจัดทำโครงการสำรองไว้ด้วย

อย่างไรก็ตามพลเรือเอกณรงค์ กล่าวเพิ่มเติมภายหลังการประชุมฯ ว่า การลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตในครั้งนี้เพื่อติดตามการปฏิบัติราชการตามนโยบายของรัฐบาล ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดอันดามัน 5 จังหวัดว่ามีปัญหาสำคัญเร่งด่วนที่จะต้องรีบแก้ไข หรือมีปัญหาใดที่ได้รับการแก้ไขไปแล้ว ซึ่งภาพรวมแต่ละจังหวัดจะมีปัญหาที่คล้ายๆ กัน

ปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐาน ปัญหาสิ่งอำนวยความสะดวก และปัญหาความสงบเรียบร้อย ซึ่งล้วนเป็นปัญหาที่จะต้องเร่งแก้ไข และทางรัฐบาลก็พร้อมที่จะเข้ามาดูแล รวมทั้งติดตามปัญหาการร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งพบว่าปีนี้มีจำนวนเรื่องร้องเรียนเพิ่มมากขึ้น และจากการที่รัฐบาลได้สั่งการให้มีการจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรมขึ้น ณ ที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง พบว่า มีการจัดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ยังได้มีการติดตามความคืบหน้าโครงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ที่ได้มีการขอรับการสนับสนุนโครงการไปเมื่อปี 2559 และโครงการที่จะขอรับการสนับสนุนงบประมาณใหม่ในปี 2560 ซึ่งพบว่า ในหลายจังหวัดเมื่อได้รับการจัดสรรงบประมาณไปแล้ว ไม่สามารถดำเนินการได้

เนื่องจากติดขัดเรื่องการขอใช้พื้นที่จากต่างหน่วยงาน จึงได้มอบนโยบายไปว่า ในการของบประมาณครั้งต่อไป จะต้องขออนุญาตใช้พื้นที่ให้เรียบร้อยก่อน และให้เสนอโครงการสำรองร่วมไปด้วย เพื่อจะได้สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง กรณีที่หากโครงการแรกมีปัญหาไม่สามารถดำเนินการได้

พลเรือเอกณรงค์ กล่าวว่า นอกจากติดตามความคืบหน้าของโครงการที่จัดสรรงบประมาณไปแล้ว และการนำเสนอเพื่อของบประมาณในปี 2560 ของกลุ่มจังหวัด ซึ่งมีงบประมาณก้อนใหญ่จำนวน 5,000 ล้านบาทเนื่องจากต้องการให้เร่งเสนองบประมาณโดยเร็ว

แต่เน้นย้ำว่า โครงการที่นำเสนอเข้ามานั้นจะต้องมีความพร้อม และจะต้องจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วน เป็นโครงการที่สามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน หรือเป็นโครงการที่ทำแล้วประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ประโยชน์มากที่สุด จึงอยากให้ทั้ง 5 จังหวัดได้มีการหารือร่วมกัน โดยควรจะดึงภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมด้วย เพราะมีเวลาค่อนข้างจำกัด ดังนั้นทุกจังหวัดจะต้องเร่งดำเนินการ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว

ทั้งนี้รองนายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวถึงปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดอันดามัน ว่า จากการฟังบรรยายสรุปพบว่า จังหวัดตรังมีปัญหาน้ำท่วมรุนแรงและมากที่สุดในรอบ 30 ปี ซึ่งสาเหตุมาจากการสร้างถนนขวางทางน้ำ และการก่อสร้างอื่นๆ ขวางทางน้ำ โดยไม่มีการทำท่อระบาย เมื่อน้ำไหลหลากมาจากที่สูงจึงไม่มีทางออก และเอ่อท่วมบ้านเรือนประชาชน โดยใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง ระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะต้องรีบแก้ไข โดยหลังจากน้ำลดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งสำรวจและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก