ฟ้องแล้ว! 'ศุภชัย-พวก' ฟอกเงิน ส่วน 'ธัมมชโย' รอส่งตัวอัยการ

ฟ้องแล้ว! 'ศุภชัย-พวก' ฟอกเงิน ส่วน 'ธัมมชโย' รอส่งตัวอัยการ

อัยการยื่นฟ้องศาลแล้ว "ศุภชัย-พวก" สมคบฟอกเงินสหกรณ์คลองจั่น จ่ายเช็ค1.4พันล้าน เผยฟ้องแพ่ง "ธัมมชโย" ขอให้บัญชีเงินตกเป็นของแผ่นดิน

ร.ท.สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด , นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนายชาติพงษ์ จีระพันธุ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ร่วมแถลงการณ์ยื่นฟ้องนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด กับพวกรวม 3 คน ฐานร่วมกันฟอกเงินสหกรณ์ฯ ที่สำนักงานอัยการสูงสุด

ร.ท.สมนึก โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า วันนี้ ( 30 พ.ย.) พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ได้นำตัว น.ส.ศรัณยา มานหมัด และนางทองพิน กันล้อม ผู้ต้องหาร่วมในคดีนี้ไปยังศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เพื่อยื่นฟ้องเป็นจำเลย โดยคดีนี้อัยการสำนักงานคดีพิเศษได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายศุภชัย อายุ 59 ปี อดีตประธานสหกรณ์ฯ ,ศรัณยา อายุ 52 ปี อดีตรองผู้จัดการสหกรณ์และนางทองพิน อายุ 63 ปี อดีตคณะผู้บริหารสหกรณ์ฯ เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5, 9 และ 60 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 โดยการยื่นฟ้องวันนี้ได้ดำเนินการกับเฉพาะผู้ต้องหาที่มีตัวอยู่ ซึ่งนายศุภชัย นั้นปัจจุบันถูกคุมขังคดีอื่นอยู่ในเรือนจำ ก็จะต้องรอให้ศาลเบิกตัวมาพิจารณาคดีต่อไป

ร.ท.สมนึก โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวต่อว่า สำหรับพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย ผู้ต้องหาที่ 2 ที่พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ยังไม่ได้ตัวส่งมาให้กับอัยการ และ น.ส.ศศิธร โชคประสิทธิ์ ผู้ต้องหาที่ 5 ซึ่งยังหลบหนี โดยก่อนหน้าที่พนักงานอัยการได้มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองไว้ก่อนแล้ว ในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน,ร่วมกันฟอกเงินและรับของโจร ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ มาตรา 5,9,60 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 ประกอบมาตรา 83 นั้น พนักงานอัยการก็ได้แจ้งให้อธิบดีดีเอสไอ จัดการให้ได้ตัวผู้ต้องหาทั้งสอง มาส่งให้อัยการเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปภายในอายุความ 15 ปี นับแต่วันกระทำผิด พ.ศ.2552

ขณะที่นายชาติพงษ์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ กล่าวถึงอัตราโทษคดีที่ยื่นฟ้องว่า ฐานร่วมกันฟอกเงิน ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ มีโทษสูงสุดจำคุก 10 ปี

ขณะที่พฤติการณ์ซึ่งยื่นฟ้องนายศุภชัย กับพวกรวม 3 คนนั้น ได้ระบุไว้ว่า นายศุภชัย จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้โอนเงิน จ่ายเช็ค จำนวน 27 ฉบับ มูลค่าความเสียหายประมาณ 1,400 ล้านบาท ให้กับพระธัมมชโย ผู้ต้องหาที่ 2 และ น.ส.ศศิธร ผู้ต้องหาที่ 5 เป็นผู้รับโอนเงิน ซึ่งผู้รับโอนทั้งสองอัยการยังไม่ได้ยื่นฟ้อง

โดยสำนวนที่ฟ้องวันนี้ก็ไม่ได้ระบุเรื่องการขอให้นายศุภชัย กับพวก ชดใช้เงินจำนวน 1,400 ล้านบาทไว้ด้วยเนื่องจากเมื่อมีการส่งต่อเงินไปแล้ว ตัวเงินที่เป็นทรัพย์ไม่ได้อยู่กับฝ่ายผู้โอน แต่เงินอยู่กับผู้รับโอนไปแล้ว ดังนั้นหากจะฟ้องให้ต้องชดใช้จำนวนเงินดังกล่าว ก็ต้องฟ้องกับผู้รับโอน ส่วนเรื่องประกันตัวก็ขอให้ศาลพิจารณาตามความเหมาะสม ซึ่งคดีนี้มีพฤติการณ์มีโทษร้ายแรงและความเสียหายจำนวนมาก

นายชาติพงษ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ดีสำหรับพระธัมมชโย ก็ยังมีคดีแพ่งที่อัยการได้ยื่นฟ้องร่วมกับนายศุภชัย อดีตประธานสหกรณ์ฯ กับพวก เพื่อขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินไปแล้ว รวม 2 สำนวน โดยทรัพย์สินในส่วนของพระธัมมชโยที่อัยการขอให้ศาลแพ่งพิจารณาพิพากษาตกเป็นของแผ่นดิน ก็จะเป็นบัญชีเงินฝาก ซึ่งมูลค่าทรัพย์จะเป็นไปตามเงินที่อยู่ในบัญชี โดยจะเป็นตัวเลขคนละตัวกับเงินที่รับโอนจากนายศุภชัยมา 1,400 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลแพ่ง ทั้งนี้แม้ว่ายังไม่ได้ตัวพระธัมมชโยมาดำเนินคดีอาญาฐานสมคบฟอกเงิน แต่ตามขั้นตอนศาลก็สามารถดำเนินกระบวนพิจารณาได้ซึ่งฝ่ายพระธัมชโย อาจส่งทนายความยื่นคำให้การคัดค้านต่อศาลได้

เมื่อถามว่าหากยังไม่สามารถ นำตัวพระธัมมชโยกับฆราวาส อีก 1 คนมายื่นฟ้องได้ภายในอายุความ 15 ปี จะดำเนินการอย่างไร นายประยุทธ รองโฆษกอัยการสูงสุด กล่าวว่า เรื่องที่ถามเป็นการคาดการณ์ของสื่อมวลชน แต่ตนยังเชื่อมั่นในหลักกฎหมายว่าสุดท้ายแล้ว จะสามารถนำตัวผู้ต้องหามาฟ้องได้

เมื่อถามต่อว่า หากไม่ได้ตัวผู้ต้องหามาภายในอายุความ จะถือว่าพระธัมมชโยพ้นจากความผิดหรือไม่ นายประยุทธ กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย เพราะอัยการมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องแล้ว ก็จะไม่ถือว่าพระธัมมชโยพ้นผิด แต่ตามกฎหมายจะต้องมีตัวผู้ต้องหาในอายุความ จึงจะส่งฟ้องได้ ถ้าไม่มีตัวผู้ต้องหาก็ไม่สามารถส่งฟ้องได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังอัยการยื่นฟ้องนายศุภชัย อดีตประธานสหกรณ์ฯ กับพวกแล้ว ศาลอาญา ได้ประทับรับคำฟ้องไว้เป็นคดีมายเลขดำ ฟย.47/2559 ซึ่งศาลอาญา นัดสอบคำให้การจำเลยทั้งสามในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น. โดยศาลจะเบิกตัวนายศุภชัย จากเรือนจำมาเพื่อสอบคำให้การตามวัน-เวลาดังกล่าว

ทั้งนี้ส่วนคดีแพ่งที่อัยการ ขอให้ทรัพย์สินของนายศุภชัย และพระธัมมชโย กับพวก ตกเป็นของแผ่นดิน มี 2 สำนวน ประกอบด้วย 1.คดีหมายเลขดำ ฟ.173/2559 ที่อัยการคดีพิเศษยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินของนายศุภชัย กับพวก ตกเป็นของแผ่นดิน จากที่มีการกระทำความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน รวมทุนทรัพย์ทั้งสิ้น 85,769,438.25 บาท ซึ่งศาลแพ่ง นัดไต่สวนในวันที่ 7 ธ.ค.นี้ เวลา 09.00 น.

2. คดีหมายเลขดำ ฟ.208/2559 ที่อัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินของนายศุภชัย กับพวก ตกเป็นของแผ่นดิน จากที่มีการกระทำความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน รวมทุนทรัพย์ทั้งสิ้น 1,585,000,000 บาท โดยศาลแพ่งนัดไต่สวนในวันที่ 20 ก.พ.2560 เวลา 09.00 น.