สูงวัยออกกำลังกายห่างไกลโรค

สูงวัยออกกำลังกายห่างไกลโรค

แนะผู้สูงอายุออกกำลังกาย 3- 5 วันต่อสัปดาห์ ช่วยห่างไกลโรคหัวใจ เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ทำให้ความจำดี แถมอ่อนวัย

นายแพทย์ธีรพล โตพันธานนท์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า เมื่อคนเราอายุมากขึ้นอวัยวะต่างๆ ในร่างกายจะมีความเสื่อมตามวัย ทำให้เกิดโรคต่างๆ ซึ่งมักจะเป็นโรคเรื้อรังและเป็นหลายๆ โรคพร้อมกันในทางการแพทย์ ถือว่าอาหารและการออกกำลังกายอย่างเหมาะสมสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันการเกิดโรคต่างๆ

สำหรับวิธีการออกกำลังกายในผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป อันดับแรกควรคำนึงถึงโรคประจำตัวหรือความผิดปกติของร่างกายก่อนเริ่มออกกำลังกาย โดยเริ่มจากการเดินก่อนแล้วเพิ่มเวลาเดินมากขึ้นจนถึง 20 นาที ถ้าไม่รู้สึกเหนื่อยหรือผิดปกติสามารถเพิ่มเป็นเดินเร็วๆ หรือวิ่งเหยาะๆ ได้ หากได้รับการฝึกฝนจนร่างกายมีสมรรถนะประมาณหนึ่งแล้วสามารถวิ่งเพิ่มได้

ควรใช้เวลาออกกำลังกายประมาณ 20 - 40 นาที แบ่งเป็น อบอุ่นร่างกาย 5 - 10 นาที ออกกำลังกาย 10 - 20 นาที และผ่อนคลายกล้ามเนื้อ 5 - 10 นาที ไม่ควรใช้เวลาเกิน 40 นาทีต่อครั้ง เพราะจะเป็นการหักโหมเกินไป

ควรออกกำลังกายตามความสามารถและสภาพร่างกาย ไม่ควรฝืนและควรงดออกกำลังกายขณะไม่สบาย มีไข้ อ่อนเพลีย เพราะอาจะทำให้เกิดอันตรายได้

ทั้งนี้สามารถออกกำลังกายในช่วงเวลาใดก็ได้ แต่ควรเป็นช่วงก่อนทานอาหาร 1 ชั่วโมงหรือหลังทานอาหาร 2 ชั่วโมงขึ้นไป ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทดี ไม่ร้อนเกินไป ใส่เสื้อผ้าที่สบายไม่รัดรูป และสวมรองเท้าที่เหมาะสมแก่การออกกำลังกาย

ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวันหรืออย่างน้อย 3 - 5 วันต่อสัปดาห์ เช่น เดิน วิ่งเหยาะๆ ว่ายน้ำ เป็นต้น

หากมีโรคประจำตัวหรือมีความผิดปกติ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เคยแน่นหน้าอกหรือเจ็บหน้าอก เป็นลมหน้ามืด เวียนศีรษะ ข้อเสื่อมหรือปัญหาทางกระดูก มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่าสามารถออกกำลังกายได้หรือไม่หรือควรออกกำลังกายอย่างไร

อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวเสริมว่า การออกกำลังกายส่งผลดีต่อผู้สูงอายุทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ช่วยลดความเครียดเพิ่มสมาธิทำให้จิตใจแจ่มใส นอนหลับสนิท เพิ่มสมรรถภาพทางร่างกายทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงทนทานมากขึ้น การทรงตัวดีขึ้น ควบคุมน้ำหนักรักษาทรวดทรงให้ดูดี มีภูมิต้านทานและความจำดี ชะลอความชรา ดูอ่อนกว่าวัย ป้องกันโรคที่เกิดจากการเสื่อมและฟื้นฟูร่างกายจากโรคต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน ภาวะไขมันในเลือดสูง โรคข้อเสื่อม เป็นต้น และที่สำคัญเมื่อเกิดอาการผิดปกติขณะออกกำลังกาย เช่น หน้ามืด ใจสั่น ควรชะลอและหยุดออกกำลังกาย และควรรีบพบแพทย์