สุดทรพีคิดฆ่าพ่อ จุดไฟเผาบ้านวอด2หลัง ต้องสิ้นเนื้อประดาตัว

สุดทรพีคิดฆ่าพ่อ จุดไฟเผาบ้านวอด2หลัง ต้องสิ้นเนื้อประดาตัว

ลูกทรพีจุดไฟเผาบ้านก่อนรุ่งสาง วอด2หลังสิ้นเนื้อประดาตัว เผยสั่งลาญาติหน้าตาเฉย ด้านผู้เป็นพ่อสาปส่งจี้ตร.ตามล่า เผยจองเวรพยายามฆ่าให้ตาย

วันที่ 19 พ.ย.59 เวลา 04.00 น. ร.ต.อ.ซึ่งเฉลี่ย ไตรบุตร รองสารวัตรสอบสวน สภ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ภายในหมู่บ้านหัวฝาย เลขที่ 32/31 ม.22 ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นบ้านของนายสมพงษ์ คำพระ อายุ 55 ปี และนางสนิท คำพระ อายุ 48 ปี จึงเดินทางไปสอบสวนยังในที่เกิดเหตุ

ที่เกิดพบรถน้ำดับเพลิงจาก อบต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ กำลังใช้น้ำฉีดดับเพลิงอยู่จำนวน 1 คัน จนกระทั่งเวลา 05.30 น. จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ แต่ตัวบ้านได้ถูกไฟไหม้เผาวอดไปหมดแล้วทั้งสองหลังซึ่งปลูกสร้างติดกัน ลักษณะเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูงชั้นบนเป็นไม้และชั้นล่างเป็นคอนกรีต 1 หลัง และเป็นบ้านคอนกรีตชั้นเดียว 1 หลัง

สอบสวนชาวบ้านผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่า สาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้บ้านในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากบุตรชายของเจ้าของบ้านเอง อายุ 32 ปี เป็นผู้ลงมือจุดไฟเผาบ้าน โดยเพลิงได้เริ่มลุกไหม้ตั้งแต่เมื่อช่วงเวลาประมาณ 03.50 น. ก่อนที่นายสรศักดิ์ จะเดินเข้าไปปลุกนายเดชา ขันตรี อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33/18 ม.22 เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กัน โดยบอกกับนายเดชา ว่า ได้จุดไฟเผาบ้านแล้ว ก่อนที่จะคว้าเอารถจักยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า โซนิค ของนายเดชา ขับหลบหนีออกไป

ขณะที่เพื่อนบ้านอีกรายนั้นเห็นเพลิงลุกไหม้ยังที่บริเวณตัวบ้านชั้นเดียวก่อน ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของนายสมพงษ์ ก่อนที่จะลุกลามเข้าไปลุกไหม้ยังบ้านสองชั้นที่ นายสรศักดิ์ อาศัยอยู่ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยเหลือดับไฟให้ เนื่องจากนายสรศักดิ์ มีรูปร่างล่ำสูงใหญ่ จึงต้องรอให้ผู้ก่อเหตุหลบหนีออกไปก่อน จึงทำให้เพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง จนลามไหม้บ้านเสียหายไปหมดทั้งสองหลัง

ด้านนายสมพงษ์ ให้การว่า ได้ถูกบุตรชายในไส้ ที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่กำเนิด จองเวรเข้ามาทำร้ายร่างกาย และพยายามที่จะฆ่าทิ้งหลายครั้งแล้ว เนื่องจากในวัย 11-12 ได้เคยตีอบรมสั่งสอนบุตรชายบ่อยครั้ง เนื่องจากบุตรชายไม่ค่อยเอางาน และไม่สนใจการเรียนหนังสือ จึงเกิดความเครียดแค้นและจำฝังใจมาโดยตลอด จนนายสุรศักดิ์ ซึ่งเป็นบุตรชายคนโตจากทั้งหมด 3 คน เติบโตขึ้นมาและมีร่างกายที่สูงใหญ่กว่า ก็ได้พยายามที่จะเข้ามาทำร้ายตนเองอยู่ตลอดทุกครั้ง ที่ดื่มสุราจนเมามา ทั้งที่ตนก็ยังเป็นคนหุงหาข้าวปลาเอาไว้ให้กินอยู่ทุกวัน เพราะเขาไม่ยอมทำการงานอะไร

จนตนนั้น ต้องหลบหนีออกไปหาที่ซ่อนตัว อยู่ตามบ้านเพื่อน หรือตามกระท่อมเฝ้าไร่อยู่เป็นประจำ เดือนละประมาณ 2-3 ครั้ง และเป็นอย่างนี้มาโดยตลอดกว่า 20 ปีที่ผ่านมา จนมีบางครั้งตนถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นกามแตก ทุกวันนี้บุตรชายคนรอง และเพื่อนต้องคอยช่วยเหลือพาไปหาที่หลบซ่อนตัวให้ เวลาที่นายสุรศักดิ์ เมาสุรามา เพราะเขาจะต้องตามล่าหาตัวตนผู้เป็นบิดา เพื่อที่จะทำร้าย และขู่จะฆ่าให้ตายในทุกๆ ครั้ง จนภรรยาของตนทนอยู่ไม่ได้ ต้องพาลูกหลานหลบหนีไปอยู่ยังในกรุงเทพฯ

หากตำรวจทหารจับกุมตัวได้ เขาอยากจะเอาไปทำอะไรก็เอาไปทำได้เลย ตนไม่ว่าหรอก เพราะสุดที่จะทนเต็มทีแล้ว เพราะในครั้งนี้ทำให้ตนกลายเป็นคนหมดสิ้นเนื้อประดาตัว มีเสื้อผ้าเหลือติดตัวอยู่เพียงแค่ชุดเดียวเท่านั้น เพราะทรัพย์สมบัติไม่มีอะไรเหลือติดตัวอยู่เลย ทั้งข้าวของเครื่องใช้ รถยนต์ 1 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน ที่จอดเอาไว้ในบ้านก็จมอยู่ในกองเพลิงทั้งหมด ซึ่งหากวันนี้ตนไม่หนีไปนอนยังที่อื่นก็คงถูกลูกทรพีฆ่าตายไปแล้ว นายสมพงษ์ กล่าว

ด้าน ร.ต.อ.ซึ่งเฉลี่ย กล่าวว่า ขณะนี้ทางชุดสืบสวนกำลังติดตามหาตัว นายสรศักดิ์ ผู้ลงมือก่อเหตุวางเพลิงในครั้งนี้อยู่ และเชื่อว่ายังหลบหนีไปได้ไม่ไกลนัก โดยอาจจะได้ตัวในเร็วๆ นี้ ส่วนการดำเนินคดีนั้นต้องรอสอบสวนปากคำจากทางฝ่ายผู้เป็นบิดา ซึ่งเป็นผู้เสียหายก่อนว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร เพราะเป็นพ่อลูกกัน ร.ต.อ.ซึ่งเฉลี่ย กล่าว