MORNING CALL ACTION NOTES (18 พ.ย.59)

MORNING CALL ACTION NOTES (18 พ.ย.59)

FED ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย

ตลาดหุ้นไทยวานนี้ยังคงผันผวนในกรอบแคบเนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน รวมถึงความกังวลว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. ส่งผลให้ SET ปิดที่ 1,473.85 จุด (-0.79 จุด) Vol. 5.1 หมื่นลบ.โดย Foreign Net –2,440 ลบ. TFEX Net -6,446 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

- นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 13 – 14 ธ.ค. ในระหว่างการแถลงต่อสภาคองเกรส เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐคืบหน้าไปสู่เป้าหมายทั้งเงินเฟ้อและการจ้างงาน

+/- ตลาดหุ้น DJ ดีดตัวขึ้นเล็กน้อยจากแรงซื้อกลุ่มธนาคาร รวมถึงตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 19,000 ราย สู่ 235,000 ราย (ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.1973) ดัชนี CPI เดือนต.ค. +0.4% เพิ่มขึ้นมากที่สุดรอบ 6 เดือน

+/- ราคาน้ำมันอ่อนตัวลงล่าสุด 45.4 US/Barrel หลังเงินดอลลาร์แข็งค่า แม้ว่าจะคาดว่ากลุ่มโอเปกจะลดกำลังการผลิตน้ำมันในการประชุม 30 พ.ย.

- Foreign เป็น Net Sell เดือนพ.ย. 2.4 หมื่นลบ. และตั้งแต่เดือนต.ค. เป็น Net Sell 4.2 หมื่นลบ.

+ บอร์ด คนพ.เห็นชอบ 48 โครงการเร่งด่วนปี 60 ภายใต้แผนพัฒนาระเบียงศก.ภาคตะวันออก เกือบ 7 พันลบ.

+/- MSCI ประกาศรายชื่อหุ้นเข้า-ออกมีผลบังคับใช้ 30 พ.ย. ได้แก่ MSCI Thailand เพิ่ม BJC, KCE ออก ไม่มี / MSCI Global Small Cap เพิ่ม COM7, MALEE, TKN, TFG ออก ASP, BJCHI, CBG, COL, CGD, DNA, KCE, ROJNA

ภาวะตลาดหุ้นไทยถูกแรงกดดันจาก FED ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม 13-14 ธ.ค. ซึ่งส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าลงและFund Flow ไหลออกต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีแรงซื้อดักหุ้นเข้าคำนวณ SET 50 + 100 ที่จะประกาศช่วงกลางเดือนธ.ค. ช่วยพยุงดัชนี ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัว 1,465 – 1,485 จุด

กลยุทธ์การลงทุน Selective Buy หุ้นที่มีปัจจัยบวก

- TTA PSL ค่าระวางเรือทำ High ในรอบ 1 ปีล่าสุด 1,231 จุด

- IVL ราคาฝ้ายทำ High ในรอบ 2 เดือน ล่าสุด 73.5 USD/Tons

- กลุ่มวางระบบ ICT (INET ILINK ALT SYMC AIT SAMTEL JTS) ลุ้น ครม.สัปดาห์หน้าเดินหน้าโครงการเน็ตหมู่บ้าน วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท

- กลุ่มส่งออก ได้อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่าล่าสุด 35.5 Bath/USD.

- หุ้นที่คาดว่าจะเข้าคำนวณ SET50 รอบใหม่ GL THAI BJC และ SET100 SUPER SPRC TKN BIG THANI VIBHA

Analyst Meeting

EPG    ราคาปิด 13.40 บาท    Consensus เฉลี่ย 17.17 บาท

- Q2/17 (Q3/16 ของบริษัททั่วไป) มีกำไรที่ 396 ลบ. (+4% QoQ แต่ -6.5% YoY ) เนื่องจากรายได้เติบโตขึ้นเป็น 2.4 พันลบ. (+6.4%YoY) นำโดย ARK +20% YoY แต่ AFC -3.4% YoY, EPP -3%YoY ทั้งนี้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนทั้งการผลิตและบริหารได้อย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้ G/P ทรงตัวที่ราว 33% และ N/P ที่ 16%

- Consensus คาดกำไรปี 2017 ที่ 1,400 - 1,600 ล้านบาท โดยบริษัทยืนยันเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 15 - 20% เป็น 1 หมื่นลบ. (1H17 ทำได้แล้ว 4.7 พันลบ.) เนื่องจากในครึ่งปีหลัง EPP เตรียมจะรุกเข้าสูตลาดบรรจุภัณฑ์แบบ Mass product (เดิมเป็น High Product) ซึ่งบริษัทตั้งเป้า Mkt share 20% หรือราว 1,000 ลบ. เนื่องจากบริษัทใช้เครื่องจักรแบบ High Speed ซึ่งทำให้มีต้นทุนการผลิตต่ำ อีกทั้ง AFC จะมีงาน Project ใหญ่หลายงานทั้งในจีน เวียดนามและญี่ปุ่น โดยบริษัทยังคงตั้งเป้า Gross Margin ระดับ28 - 32% Net Margin ไว้ที่ราว 15% เช่นเดิม 

- จุดเด่นของบริษัท D/E ต่ำเพียง 0.3 เท่า ROE สูงราว 16% และเป็นบริษัท Innovation ที่มีนวัตกรรมของตัวเอง 



หุ้นมีข่าว

- GPSC ANALYST MEETING (แนะนำ ถือ ราคาเหมาะสม 35.7) กำลังทบทวนประมาณการปี 2017 เชิงบวก

      - ปี 2017 บริษัทคาดว่าจะมี 4 โครงการดำเนินการเชิงพาณิชย์ 1)SOLARสหกรณ์ 5MW COD 1Q60 2)โรงไฟฟ้าบางประอินโคเจน 29.25 MW COD 2Q60 3)IRPC CLEAN เฟส 2 99MW COD 2Q60 และ 4)SOLARญี่ป่น 20.6 MW COD 4Q60 รวมมีกำลังการผลิตรวมเป็น 1,529.85 MW เพิ่มขึ้น 153.85 MW หรือ +11%

      - ฝ่ายวิจัยคาดว่าผลประกอบการ 4Q59 จะอ่อนตัวลงเนื่องจากไม่มีเงินปันผลรับ โรงไฟฟ้าราชบุรี อีกทั้งเริ่มเข้าฤดูหนาวทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลงและค่าไฟฟ้าผันแปรยังคงอยู่ในระดับต่ำ (-0.33บาทต่อหน่วย) คอยกดดันผลประกอบการ

      - ฝ่ายวิจัยคาดผลประกอบการปี 2017 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง แม้ว่าปันผลรับจาก โรงไฟฟ้าราชบุรี จะลดลงตามอายุโรงไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น อีกทั้ง BOI เริ่มหมดอายุอีก 3 โครงการทำให้อัตราภาษีเพิ่มขึ้นจาก 3-4% ในปีนี้เป็น 6-7%ในปีหน้า แต่คาดว่ากำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มเข้ามา 153.85 MW โดยเฉพาะโรงไฟฟ้า IRPC CLEAN เฟส2 จะเป็นตัวหลักที่หนุนให้ผลประกอบการเติบโตจากปี 2016 ได้

- HMPRO (ราคาปิด 9.40 บาท ซื้อ ราคาเหมาะสม 12.60 บาท) ทริสฯ คงอันดับเครดิตองค์กร-หุ้นกู้และแนวโน้ม “A+/Stable" สะท้อนถึงสถานะผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าเกี่ยวกับบ้านในประเทศไทย ตลอดจนความสามารถในการบริหารสินค้าคงคลังและบริหารธุรกิจค้าปลีกวัสดุและอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ทั้งนี้ ในการพิจารณาคำนึงถึงภาวะการแข่งขันสูงและภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวด้วยแล้ว

- PS (ราคาปิด 20.40 บาท ซื้อ ราคาเหมาะสม 28 บาท) แจ้งวันสุดท้ายที่ซื้อหุ้นของบริษัทใช้แลกหุ้นใหม่ได้ 18 พ.ย. จากช่วงกำหนดช่วงเวลาเสนอซื้อ 19 ต.ค.- 23 พ.ย.53 ด้วยการแลกเปลี่ยนหุ้นในสัดส่วน 1 หุ้นเดิม PS: 1 หุ้นใหม่ PSH

- CPF (ราคาปิด 27.75 บาท ราคาเหมาะสม consensus เฉลี่ย 39 บาท) เข้าซื้อกิจการ Bellisio ธุรกิจอาหารแช่แข็งพร้อมรับประทานในสหรัฐฯ มูลค่า 3.82 หมื่นลบ. (1,075 ล้านเหรียญสหรัฐ)คาดจะเสร็จสมบูรณ์ภายใน 180 วันนับจากวันลงนาม MOU ทั้งนี้แหล่งเงินทุนมาจากกระแสเงินสดภายในกลุ่ม CPF

- ประเด็นบวก SOLAR รพ.ธรรมศาสตร์ฯ จับมือ SOLAR เปิดตัวโครงการติดตั้งโซลาร์เซลล์จ่ายไฟเข้าระบบอาคารราชการใหญ่ที่สุด

- ประเด็นบวก SYNEX (ราคาปิด 5.15 แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 6.50) คาด Q4/59 เติบโตต่อเนื่องจาก Q3/59 จากสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ เชื่อทั้งปีรายได้ทำนิวไฮ โดยคงเป้ายอดขายทั้งปีที่ 23,000 ล้านบาท

- กลุ่ม CI ศึกษาเข้าซื้อสินทรัพย์โรงแรมในอังกฤษ-อิตาลี-ญี่ปุ่น คาดเห็นความชัดเจนอีก 2-3 ปี

- ประเด็นลบหุ้นกลุ่มเหล็ก-ถ่านหิน - CEO บีเอชพี บิลลิตัน บริษัทเหมืองรายใหญ่ของโลก คาดการณ์ว่าราคาถ่านหินและเหล็กกล้าจะเริ่มเข้าสู่ภาวะชะลอตัว เนื่องจากอุปสงค์ปรับตัวลดลง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ราคาเหล็กกล้าและถ่านหินปรับตัวสูงขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา


ตลาดหุ้นดาวโจนส์ +35.68 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,903.82 จุด เพิ่มขึ้น 35.68 จุด หรือ +0.19% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,333.97 จุด เพิ่มขึ้น 39.39 จุด หรือ +0.74% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,187.12 จุด เพิ่มขึ้น 10.18 จุด หรือ +0.47% เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขการสร้างบ้านที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 9 ปี

ตลาดน้ำมัน NYMEX -0.15 ดอลลาร์/บาร์เรล

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 15 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 45.42 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้นักลงทุนชะลอการซื้อทองคำ และยังได้สกัดปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะสามารถดำเนินการตามข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมัน