โอเชี่ยนงัดแลนด์แบงก์‘หมื่นไร่’ ขยายพอร์ตอสังหาฯ

โอเชี่ยนงัดแลนด์แบงก์‘หมื่นไร่’  ขยายพอร์ตอสังหาฯ

หลังหยุดการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไปกว่า 5 ปี ”โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้” หนึ่งในกลุ่มบริษัทไทยสมุทรประกันชีวิต

หลังหยุดการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไปกว่า 5 ปี ”โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้” หนึ่งในกลุ่มบริษัทไทยสมุทรประกันชีวิต วันนี้ ประกาศกลับมาบุกธุรกิจอสังหาฯ อีกครั้ง ด้วยการนำแลนด์แบงก์ของกลุ่มไทยสมุทรประกันชีวิต ที่มีอยู่จำนวนมากทั่วประเทศกว่า 1 หมื่นไร่ ขยายอาณาจักรอสังหาฯ เพื่อขายทุกประเภท ไม่ว่าจะโรงแรม สำนักงาน ท่าจอดเรือยอซท์ และคอนโดมิเนียม
fกรรมการผู้จัดการ บริษัท โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า หลังปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ได้จัดตั้งทีมงานอสังหาฯ ขึ้น จาก 5 ปีที่ผ่านมา โอเชี่ยน พรอพเพอร์ตี้ ไม่มีการพัฒนาโครงการใหม่ และได้เปลี่ยนผู้บริหารมา 2 ครั้ง ทำให้การบริหารงานไม่ต่อเนื่อง ส่งผลให้การพัฒนาโครงการต้องชะงัก
ทิศทางธุรกิจ 4 ปีจากนี้ (2560-2563) บริษัทจะรุกขยายพอร์ตอสังหาฯ มากขึ้น โดยนำแลนด์แบงก์ของกลุ่มไทยสมุทรประกันชีวิต และของตระกูล “อัสสกุล” กว่า 1 หมื่นไร่ทั่วประเทศมาพัฒนา โดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ ซึ่งมีที่ดินที่มีศักยภาพพร้อมพัฒนาหลายแปลง เน้นจับกลุ่มระดับกลางขึ้นไป
“การนำที่ดินสะสมมาพัฒนา เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับที่ดิน ส่วนเรื่องภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฯ ไม่มีผลกระทบมาก เพราะส่วนใหญ่ถือครองในนามบริษัท”
บริษัทตั้งเป้าหมายพัฒนาปีละ 3-4 โครงการ มูลค่า 3,000-4,000 ล้านบาท ในปี 2560 พัฒนาทั้งสิ้น 4 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 2,600 ล้านบาท ได้แก่ โครงการโอเชี่ยน เกท บนพื้นที่ 22 ไร่ แบ่งเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ขนาด 22 ตร.ว. ราคา 3.9-5 ล้านบาท จำนวน 48 ยูนิต และทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น ขนาด 18 ตร.ว. ราคา 2.9-4 ล้านบาท จำนวน 176 ยูนิต รวมมูลค่าโครงการ 840 ล้านบาท
โครงการโอเชี่ยน เรสซิเดนซ์ ขอนแก่น บนพื้นที่ 2 ไร่ ใกล้มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นคอนโด 8 ชั้น ราคา 1-3 ล้านบาท 224 ยูนิต มูลค่า 300 ล้านบาท อีก 2 โครงการ ในภูเก็ต พื้นที่ 200 ไร่ เป็นทาวน์เฮาส์ 1 โครงการ ภายใต้แบรนด์ “โอเชี่ยน ทาวน์” ราคา 2.8-3 ล้านบาท 240 ยูนิต มูลค่า 700 ล้านบาท และโครงการโอเชี่ยน วิลเลจ พื้นที่ 30 ไร่ เป็นบ้านเดี่ยว ราคา 4-5 ล้านบาท 50 ยูนิต บ้านแฝด ราคา 3-4 ล้านบาท 130 ยูนิต มูลค่า 800 ล้านบาท
“ตลาดอสังหาฯ ต่างจังหวัด หากเป็นคอนโดยังอยู่ในภาวะที่อิ่มตัว สวนทางกลับตลาดแนวราบยังขยายตัวได้ดี เช่น ภูเก็ต ขยายตัว 5-10% ต่อปี ขอนแก่น ขยายตัว 4-5% “
นอกจากนี้ ยังมีแผนนำที่ดิน 3 แปลง มาพัฒนาเป็นคอนโดและสำนักงาน ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ ได้แก่ ที่ดินย่านคลองตัน พื้นที่ 11 ไร่ พัฒนาเป็นคอนโด 8 ชั้น ที่ดินย่านพระราม 3 พื้นที่ 16 ไร่ ติดโรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์ พัฒนาเป็นคอนโด 40 ชั้น หรืออาจพัฒนาเป็นอาคารสำนักงาน และที่ดินย่านราษฎร์บูรณะ ติดสำนักงานเขต พื้นที่ 19 ไร่ สามารถพัฒนาคอนโดได้ 30-40 ชั้น คาดว่าจะนำที่ดิน 2 ทำเล พระราม3 และราษฎร์บูรณะมาพัฒนาก่อน
ภายใน 2-3 ปี มีแผนขยายท่าจอดเรือยอชท์ ที่ โอเชี่ยนมาริน่า ยอชท์ คลับ พัทยา โดยจะขุดที่ดินในโครงการอีก 15-20 ไร่ เชื่อมต่อทะเล เพื่อรองรับการจอดเรือยอชท์ได้อีก 100 ลำ จากเดิมจอดเรือยอชท์ ได้ 380 ลำ และมีแผนพัฒนาโรงแรมหรือคอนโดเพิ่มขึ้นในอนาคต จากพื้นที่ทั้งโครงการ 120 ไร่
ธีระชัย กล่าวอีกว่า บริษัทอยู่ระหว่างปรับปรุงโรงแรมอัสสรา วิลล่า หัวหิน ซึ่งเปิดบริการมา 8 ปี ใช้งบปรับปรุง 200-250 ล้านบาท คาดแล้วเสร็จกลางปี 2560 ส่วนพื้นที่เหลือด้านข้างโรงแรม 11 ไร่ มีแผนพัฒนาเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ หรือ วิลล่า
ปีนี้ ตั้งเป้ารายได้ 600-700 ล้านบาท โดย 5% เป็นรายได้จากการให้เช่า ส่วนปี 2560 จะเติบโตก้าวกระโดด มีรายได้ 1,300-1,500 ล้านบาท เป็นรายได้จากการขาย 650-750 ล้านบาท จากการให้เช่า 500-550 ล้านบาท ในปี 2563 จะมีรายได้แตะ 4,000 ล้านบาท