ครม.มีมติช่วยชาวนาอุ้มข้าวหอมมะลิตันละ 13,000 บาท

ครม.มีมติช่วยชาวนาอุ้มข้าวหอมมะลิตันละ 13,000 บาท

"ครม." มีมติช่วยชาวนารับจำนำยุ้งฉางข้าวเปลือกหอมมะลิเพิ่มเป็นตันละ 13,000 บาท คาดใช้เงินไม่เกิน 2 หมื่นล้าน เป้าหมายเกษตรกร 2 ล้านราย

การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วานนี้เห็นชอบมติการประชุมของคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว(นบข.) ซึ่งมีการปรับแก้ไขใหม่ก่อนการประชุมครม. โดยเพิ่มเงินช่วยเหลือสำหรับข้าวเปลือกหอมมะลิเป็นตันละ 13,000 บาท จากมตินบข.เดิมเมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ตันละ 11,525 บาท

นบข.มีการประชุมนัดพิเศษ ก่อนการประชุมครม. โดยพล.อ.ฉัตรชัย สาลิกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้เรียกประชุม ซึ่งมีการแก้ไขมติเดิมก่อนเสนอครม.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวภายหลังประชุม ครม.ว่ามติ นบข.เดิมเป็นข้อมูลในชั้นต้น ยังไม่เป็นข้อสรุป จึงประชุมนบข. นัดพิเศษอีกครั้งเพื่อให้ได้ข้อยุติ

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าครม.มีมติกำหนดมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ประกอบด้วย สินเชื่อชะลอขายข้าวเปลือกหอมมะลิราคาตันละ 13,000 บาท ซึ่งเป็นตามกฎหมาย ซึ่งขณะนี้มีราคาเฉลี่ยที่ตันละ 9,700-12,000 บาท จึงเห็นควรว่าราคาเฉลี่ยที่ตันละ 11,000 บาท

ดังนั้นธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะรับจำนำตามความเห็นชอบของครม. คือแบ่งเป็นรับจำนำข้าวเปลือกที่ราคาตันละ 9,500 บาท ค่าเก็บเกี่ยว 2,000 บาท ค่ายุ้งฉางอีก 1,500 บาท รวมเป็น 13,000 บาท แต่หากไม่มียุ้งฉางรัฐบาลจะช่วยเก็บเกี่ยวและรักษาคุณภาพข้าวตันละ 2,000 บาท

“หวังว่าชาวนาพอใจระดับหนึ่ง ส่วนที่มีข่าวว่าชาวนาบางส่วนยังไม่พอใจรัฐบาลนั้น ขอให้เข้าใจและเห็นใจรัฐบาลด้วย เพราะมีงบประมาณจำกัดและต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งได้มีการหารือกันแล้วว่ามาตรการดังกล่าวสามารถทำได้ เพราะไม่ได้จำนำทุกเมล็ดเหมือนรัฐบาลก่อน”

วงเงินช่วยเหลือไม่เกิน2หมื่นล้านบาท

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ครม.เห็นชอบตามมติของนบข.นัดพิเศษที่มี พล.อ.ฉัตรชัย เป็นประธาน โดยเห็นชอบโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2559/2560 เฉพาะในส่วนของข้าวหอมมะลิ โดยให้รับจำนำยุ้งฉางข้าวเปลือกหอมมะลิที่ตันละ9,500บาท รวมกับเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพอีกตันละ2,000บาท โดยคิดจากอัตราช่วยเหลือเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวไร่ละ 800 บาท ไม่เกิน15ไร่ต่อราย จากมติ นบข.เดิมเมื่อวันที่31ต.ค.การช่วยเหลืออยู่ที่ไร่ละ500บาทไม่เกิน10ไร่ และค่าขึ้นยุ้งและเก็บรักษาตันละ1,500บาท

“รวมเบ็ดเสร็จแล้วชาวนาจะได้รับเงินตันละ13,000บาท หรือเพิ่มขึ้นจากมตินบข.เมื่อวันที่31ต.ค.ที่ผ่านมาอีกตันละ1,475บาท โดยตั้งเป้าหมายเป็นเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ2ล้านราย จากเดิมตั้งเป้าชะลอการขายข้าวหอมมะลิ 2 ล้านตัน วงเงินใช้ดำเนินโครงการรวมทั้งหมดไม่เกิน 20,000 ล้านบาท จากเดิม8,600ล้านบาท”

สิ้นสุดโครงการ 28 ก.พ.ปีหน้า

นางอภิรดี กล่าวว่าในส่วนเกษตรกรที่ไม่มียุ้งฉางสามารถจำหน่ายข้าวเปลือกหอมมะลิได้ในราคาตลาด โดยรัฐบาลจะช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวค่าปรับปรุงคุณภาพตันละ 2,000 บาท ซึ่งทางธ.ก.ส.จะโอนเงินเข้าบัญชีให้เกษตรกร แต่หากเกษตรกรไม่มีบัญชีของธ.ก.ส.ก็สามารถเชื่อมโยงโดยใช้บัญชีของธนาคารอื่นได้

“จะเริ่มต้นโครงการทันทีตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2559-28 ก.พ.2560 ระยะเวลาไถ่ถอนข้าว5เดือนนับจากวันที่นำข้าวเข้าโครงการรับจำนำยุ้งฉางกับธ.ก.ส.”

นางอภิรดี กล่าวว่า หลังจากประชุมนบข.เมื่อวันที่31ต.ค.ได้มีการลงพื้นที่ร่วมกันทั้งกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงมหาดไทย ได้มีข้อมูลราคาข้าวในตลาดเพิ่มเติม โดยพบว่าราคาข้าวเปลือกหอมมะลิที่ซื้อขายกันมีอัตราตันละ9,700-12,000บาท ทางนบข.จึงได้ประชุมเพิ่มเติมในช่วงเช้านี้เป็นนัดพิเศษก่อนการประชุมครม. และมีมติว่า เนื่องจากราคาข้าวมีหลายราคา ฉะนั้นจึงนำราคาข้าวเปลือกหอมมะลิมาเฉลี่ยที่ราคาตันละ11,000บาท ถือเป็นราคากลาง

โครงการจำนำยุ้งฉางจึงตั้งเป้าไว้ว่าถ้าราคากลางอยู่ที่11,000บาท ซึ่งตามหลักเกณฑ์จะรับจำนำที่ราคาไม่เกิน90%ของราคาตลาด ราคาจำนำจึงอยู่ที่9,500บาท และสภาพอากาศช่วงที่ผ่านมามีฝนตกชุก ข้าวจึงเปียก ต้องได้รับการปรับปรุงคุณภาพโดยรัฐจะให้ความช่วยเหลือตันละ2,000บาท”

“ราคาตลาดของข้าวเปลือกหอมมะลิที่ใช้อ้างอิง สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา ถ้าอีกระยะราคาปรับตัวก็จะปรับได้อีกเช่นกัน ถือเป็นโครงการที่ดูไปตามราคาตลาด ส่วนราคาที่เปลี่ยนไปจากการประชุมในวันก่อนเป็นผลมาจากการลงพื้นที่เก็บข้อมูลอีกครั้งเพื่อให้ราคาครอบคลุมมากขึ้น”นางอภิรดีกล่าว

มั่นใจชาวนาไม่รวมตัวกดดันรัฐ

พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่าพยายามให้ทุกหน่วยของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และรายงานกลับมา โดยเฉพาะสิ่งใดที่ผู้ประกอบการหรือโรงสีเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวหรือมีเงื่อนไขอื่นๆ แอบแฝง ก็จะให้เจ้าหน้าที่ไปทำความเข้าใจ อีกทั้งเนื่องจากกองทัพมีกำลังพลที่มากพอสมควรโดยเฉพาะเรื่องการบริโภค และประกอบเลี้ยงจึงพยายามที่จะเข้าไปช่วยรับซื้อข้าวสารจากโรงสีของสหกรณ์การเกษตร ซึ่งกำลังหารือว่าสามารถทำได้มากหรือน้อยแค่ไหน

ส่วนมีความเป็นห่วงว่าชาวนาอาจจะรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องในช่วงนี้นั้น พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่าไม่น่าจะมี เพราะรัฐบาลมีแนวนโยบายออกมาช่วยเหลือเป็นช่วงๆ สามารถแก้ไขปัญหาให้ชาวนาได้ และปัจจุบันพวกเราอยู่ในช่วงสถานการณ์พิเศษ ทุกคนต้องช่วยกัน ทหารจะเข้าไปช่วยแก้ไขอย่างเต็มที่

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงข่าวจะมีชาวนารวมตัวกันกดดันเรื่องราคาข้าว ยืนยันว่าชาวนาจะรวมตัวกันไม่ได้ วันนี้ครม.ได้อนุมัติมาตรการช่วยเหลือราคาข้าวแล้ว ตอนนี้รัฐบาลกำลังแก้ปัญหาอยู่จะไปเคลื่อนไหวอะไร

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่ากระทรวงมหาดไทยจะให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนำไปทำความเข้าใจกับประชาชนโดยผ่านกลไกต่างๆของกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับรู้ว่ารัฐบาลกำลังดำเนินการอย่างไรต่อการแก้ปัญหาราคาข้าว

“รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ไม่ได้ละเลยชาวนา และไม่ต้องการให้เกิดความเข้าใจผิด”

ตัวแทนชาวนาพอใจมาตรการรัฐ

นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกสนช. และประธานสมาคมชาวนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่านบข.มีมติกำหนดราคารับจำนำยุ้งฉางประจำฤดูกาลนี้ ถือเป็นการช่วยเหลือชาวนา เป็นไปตามเงื่อนไขจากเงินในกระเป๋าของรัฐบาลที่มีอยู่

“ตอนนี้ราคาขายข้าวอยู่ที่เกวียนละ 8,000 กว่าบาท จะให้รัฐรับจำนำเกวียนละ 10,000 บาท จึงเป็นไปไม่ได้ มาตรการนี้จึงเป็นการช่วยเหลือจากทางรัฐบาลแล้ว และจะมีมาตรการช่วยเหลืออื่นพี่น้องชาวนาออกมาเป็นระลอกอีก ผมได้ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรีเรื่อง ราคาข้าวตกต่ำ ในที่ประชุม สนช.สัปดาห์นี้"

นายวิชัย ศรีนวกุล ประธานกลุ่มโรงสีข้าวหอมมะลิ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่าในฐานะผู้ประกอบการส่วนหนึ่งมองว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะต้องยอมรับว่ามติที่ประชุมนบข.เมื่อวันที่ 31 ต.ค.นั้น ชาวนาหลายส่วนผิดหวังกับวงเงินช่วยเหลือเพราะน้อยเกินไปและฐานราคาข้าวที่นำมาคำนวณนั้นเป็นราคาที่ไม่เหมาะสม

ดังนั้นสำหรับมติ ครม.ที่ออกมาครั้งนี้ทำให้เงินช่วยเหลือชาวนาเพิ่มขึ้นก็ถือเป็นผลดี เพราะหากคิดทบทวนวงเงินที่เพิ่มขึ้น 2 พันบาท กับจำนวนข้าวที่รัฐบาลจะรับซื้อ 2 ล้านตัน ก็พบว่ารัฐบาลจะต้องใช้วงเงินอุดหนุนเพิ่มขึ้นในวงเงิน 4 พันล้านบาท ซึ่งไม่มากเมื่อเทียบกับการมอบให้ชาวนาช่วยเหลือโดยตรง

เครือข่ายชาวนาสำรวจสมาชิก2พ.ย.นี้

นายระวี รุ่งเรือง ประธานเครือข่ายชาวนาไทย กล่าวว่า มติครม.ค่อนข้างเหมาะสม และเป็นที่น่าพอใจมากกว่ามติของนบข.เดิม ซึ่งชาวนาจะได้รับเป็น 13,000 บาทต่อตัน เพิ่มเติมจากเดิมที่จะได้รับ 11,525 บาทต่อตัน รวมทั้งยังนำราคาตลาดมาคำนวณอยู่ที่ 11,000 บาทต่อตัน ซึ่งเป็นราคาเฉลี่ยที่รัฐบาลเคยรับปากไว้

อย่างไรก็ดี ทางเครือข่ายชาวนาจะมีการหารือร่วมกันในวันนี้ (2 พ.ย.2559) เพื่อสอบถามความพึงพอใจของชาวนาทั่วประเทศ รวมทั้งจะหารือถึงมาตรการอื่นๆที่จะสามารถช่วยเหลือชาวนาที่ไม่มียุ้งฉางให้ได้รับการบรรเทาความเดือดร้อนอย่างทั่วถึง

ธกส.แจงเงินช่วยเหลือรวม5.6หมื่นล้าน

นายลักษณ์ วจนานวัช กรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร(ธกส.) กล่าวว่ามาตรการช่วยเหลือครั้งนี้เมื่อรวมกับมาตรการก่อนหน้าทำให้รัฐบาลมีการช่วยเหลือชาวนาในรูปแบบของเงินให้เปล่ารวมเป็นวงเงิน 56,000 ล้านบาท

“วงเงินนี้ธนาคารจะสำรองจ่ายแทนรัฐบาลรัฐบาลจะจัดสรรวงเงินงบประมาณมาชำระคืนในปีงบประมาณ 2561 พร้อมชดเชยต้นทุนการเงินให้ในอัตราประมาณ 2.5%”

นอกจากนี้ยังมีสินเชื่อเพื่อชื่อเหลือเกษตรกรอีก ทั้งสินเชื่อชะลอการขายข้าว สินเชื่อเพื่อรวบรวมและแปรรูปข้าว และสินเชื่อโครงการนาแปลงใหญ่รวมเป็นวงเงินสินเชื่อทั้งหมด 37,630ล้านบาท

ขณะเดียวกันธนาคารยังมีอีก 2 โครงการเพื่อช่วยเหลือการลดต้นทุนการเงินให้กับเกษตรกรประกอบด้วย

1. ลดดอกเบี้ย 3% สำหรับชาวนาที่ขอสินเชื่อนาข้าวในปีนี้มีเกษตรกรที่ได้ประโยชน์ประมาณ 2ล้านรายสามารถลดต้นทุนดอกเบี้ยได้ประมาณ 900 ล้านบาท และ

2.โครงการดูแลหนี้สินให้กับเกษตรกรที่ลำบากโดยพักชำระเงินต้นเป็นเวลา2ปีพร้อมกับลดดอกเบี้ยให้ 3% มีชาวนาที่ได้ประโยชน์ประมาณ 1.4 ล้าน ช่วยประหยัดดอกเบี้ยได้ประมาณ 2700 ล้านบาทต่อปีหรือประมาณ 5400 ล้านบาทในช่วง2ปี

ทั้งนี้อยากทำความเข้าใจว่าเกษตรกรที่จะเข้าโครงการชะลอขายข้าวจะต้องเป็นเกษตรกรสถาบันเกษตรกรวิสาหกิจชุมชนที่มียุ้งฉาง พร้อมกันนี้จะต้องมีการตากข้าว เพื่อลดความชื้นให้เหลือ 15% เพราะหากเป็นข้าวที่เก็บเกี่ยวในช่วงนี้โดยเฉลี่ยแล้วเค้าจะมีความชื้นประมาณ 30%

“ธ.ก.ส.พร้อมการดำเนินการช่วยเหลือชาวนาทั้งในส่วนของเงินให้เปล่าและการให้สินเชื่อรวมถึงการช่วยลดภาระหนี้สินให้กับเกษตรกร ซึ่งมีความพร้อมในด้านสภาพคล่อง ส่วนผลกระทบเรื่องเอ็นพีแอลก็อยู่ในระดับที่ธนาคารบริหารจัดการได้”

นายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทยกล่าวว่าธนาคารมีพอร์ตสินเชื่อในกลุ่มเกษตรและสินเชื่อข้าวค่อนข้างมาก ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารมีการติดตามลูกค้าในกลุ่มเกษตรอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากราคาที่ปรับลดลงมามาก แต่ในขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีความผิดปกติ

นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทยและกรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่ายังคงเป้าสินเชื่อปีนี้เติบโต 5-6% ซึ่งช่วงที่เหลือของปีนี้ธนาคารก็จะพยายามปล่อยสินเชื่ออย่างเต็มที่ให้ได้ตามเป้าหมาย แม้มีปัญหาราคาข้าวตกต่ำ แต่มองว่าจะกระทบแค่ช่วงสั้นและภาครัฐคงออกมาตรการมาบรรเทาความเดือดร้อน จึงไม่น่าจะส่งผลต่อการปล่อยสินเชื่อในปีนี้