ชู 'เศรษฐกิจพอเพียง' สร้างความยั่งยืน

ชู 'เศรษฐกิจพอเพียง' สร้างความยั่งยืน

รัฐบาลชู "เศรษฐกิจพอเพียง" สร้างความยั่งยืน พร้อมปรับใช้สร้างคนไทยเข้าสู่ยุค 4.0 หวังสร้างเศรษฐกิจเติบโตในระยะยาว

งานสัมมนา“Thailand’s Economic Outlook 2017 Towards Sustainability”จัดโดย หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วานนี้(21 ต.ค.) ได้กล่าวถึงปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจะเป็นแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจไปสู่ความยั่งยืน

นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่าหลายประเทศหันมาพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศตัวเอง ส่งผลให้นโยบายที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญคือการพัฒนาบุคลากรภายในประเทศ แล้วสร้างความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนก่อนที่จะประสานร่วมกับการเปลี่ยนแปลงของโลก จึงนับเป็นการเดินหน้านโยบายที่มาถูกทาง

สำหรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่รัฐบาลประกาศให้เป็นกลไกสำคัญปฏิรูปประเทศ หลังรัฐบาลประกาศชัดถึงเป้าหมายการนำพาประเทศพ้นกับดัก 3 เรื่อง คือ กับดักรายได้ปานกลาง กับดักความเหลื่อมล้ำ และกับดักความไม่สมดุล ผ่านโมเดลขับเคลื่อนสู่ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน

นายสุวิทย์ กล่าวว่าขณะนี้มีความชัดเจนถึงแผนแล้วว่า ไทยจะต้องเดินหน้าปลดล็อกกับดักดังกล่าวโดยใช้3เครื่องยนต์ใหม่ คือ สร้างความมั่งคั่งผ่านการเติบโตที่แข่งขันได้(Competitive Growth Engine) สร้างความมั่นคงผ่านภายใน(Inclusive Growth Engine) และสร้างความยั่งยืนผ่านการเติบโตที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม(Green Growth Engine)

“ภาพรวมของเครื่องยนต์ใหม่ที่เรานำมาใช้จะเป็นการสร้างความเข้มแข็งจากภายในเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก โดยน้อมเอาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับ เริ่มต้นจากการพึ่งพาตนเอง พึ่งพากันเอง และรวมกันเป็นกลุ่มอย่างมีพลัง ไม่มองการสร้างอุตสาหกรรม สร้างเทคโนโลยีเพื่อการเปลี่ยนผ่าน แต่จะเริ่มต้นจากการสร้างคนไทย 4.0 เมื่อไม่พอ ต้องเติม เมื่อพอต้องรู้จักหยุด และเมื่อเกินต้องรู้จักแบ่งปัน เริ่มต้นที่วันนี้เรายังอยู่ในขั้นของการเติมองค์ความรู้ให้กับประชาชนก่อน เพื่อให้เข้าใจถึงปัญหาที่ผ่านมา เข้าใจถึงแนวทางการพัฒนาหลังจากนี้ และก้าวเป็นการเติบโตอย่างมีคุณภาพสร้างสมดุลได้ทั้งในด้านของเศรษฐกิจ คุณค่ามนุษย์ และรักษ์สิ่งแวดล้อม”

นายสุวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า เป้าหมายสำคัญของการสร้างไทยแลนด์4.0ให้เป็นรูปธรรมแน่นอนว่าสิ่งที่ต้องการคือการออกจากกับดักรายได้ปานกลาง ทำให้ไทยหลุดจากการเติบโตของจีดีพีที่เป็นอยู่เพียง3-4% จากเดิมเคยเติบโตถึง7%

“บุคคลยังมีอีกเยอะแยะที่ไม่ได้มั่งคั่งในยุคที่ผ่านมา เราต้องเปลี่ยนผ่านไปยังไทยแลนด์4.0ผ่านปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รู้จักพอประมาณพอดี และแชร์ออกไปเมื่อเพียงพอแล้ว นี่จึงจะเป็นชิพสำคัญของไทยแลนด์4.0สร้างความเข้มแข็งไปด้วยกัน ทุกคนมีโอกาสรับประโยชน์จากการที่เราสร้างมันขึ้นมา ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ก้าวออกไปอย่างยั่งยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับประเทศอื่นๆ ที่เติบโตด้วย โดยไทยจะขับเคลื่อนยุค4.0 ผ่านปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่จะน้อมนำไปใช้”

ชี้เป็นหลักสร้างความเข้มแข็งทุกคน

ด้านนายสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย กล่าวในหัวข้อ “Transforming Thailand into a Sustainable Economy” ว่า หนึ่งในคำว่าเศรษฐกิจพอเพียง คือ การสร้างสังคมเพื่อการอยู่ร่วมกันได้ โดยส่วนตัวจึงมองว่าปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงถือเป็นกลไกสำคัญอีกอย่างที่ทำให้เศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าผ่านการสร้างความเข้มแข็งของทุกคนเดินหน้าไปด้วยกัน

ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลนี้เน้นย้ำพัฒนาคนมากกว่าสิ่งอื่น จึงต้องถามกลับว่าโจทย์ที่รัฐบาลมองก็มีคำถามมากมายว่าใครจะเป็นคนทำ ถ้าต้องเป็นภาคราชการทำก็ต้องถามอีกว่าพร้อมหรือยัง มีความคล่องตัวหรือไม่ ดังนั้น หลังจากนี้จึงอาจเป็นที่มาของการปฏิรูประบบราชการเพื่อจะก้าวเป็นคนไทย 4.0
บางจากเผยเริ่มประยุกต์ใช้มานานแล้ว

ขณะที่นายยอดพจน์ วงศ์รักมิตร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารและเทคโนโลยีสารสนเทศ บมจ.บางจากปิโตรเลียม กล่าวว่า การสร้างความยั่งยืนของเศรษฐกิจหากจะให้ฉายภาพชัดเจนนั้น ต้องชี้แจงว่าบริษัทฯ เริ่มต้นทำมานานแล้ว ภายใต้ภาวะการแข่งขันของธุรกิจพลังงานที่ต้องต่อสู้

แต่ที่ผ่านมาบริษัทฯ ไม่ได้อยู่แค่พลังงานอย่างเดียวแต่พัฒนาลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ดังนั้นการเตรียมตัวล่วงหน้าก็ทำให้เรารองรับการแข่งขันได้ในตอนนี้ พร้อมๆ กับการพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่านการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ และสร้างความหลากหลายให้กับธุรกิจด้วย

ที่ผ่านมาบริษัทฯ น้อมนำปรัชญาหลายข้อมาใช้นานมากแล้ว โดยอยากเห็นพนักงานเราเป็นคนดี เริ่มจากการหาความรู้ได้ต้องแบ่งปันคนอื่น มีการกำหนดเป้าหมาย มีการทำงานภายในองค์กร และนำไปสู่การกำหนดแผน อีกทั้งบริษัทฯ ไม่ได้มองว่าทำยังไงให้เกิดกำไร แต่กลับมองว่าทำอย่างไรให้เกิดกำไรที่ยั่งยืน สร้างความมั่นคง ยั่งยืน มีเสถียรภาพ ซีเอสอาร์จึงไม่ใช่แค่การรณรงค์แต่เป็นการเริ่มต้นเข้าใจทำทั้งองค์กร

ยูโอบีชี้ความสำคัญอยู่ที่คน

นายสัญชัย อภิศักดิ์ศิริกุล กรรมการ และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ การเงินและการสนับสนุนธุรกิจ ธนาคาร ยูโอบี (ไทย) กล่าวว่า การพัฒนาอย่างยั่งยืนจะดำเนินการแบบไปขาใดขาหนึ่งไม่ได้ ต้องก้าวไปพร้อมกัน และคนเป็นทรัพยากรอย่างหนึ่งที่สำคัญมาก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงต้องรู้รอบรู้ลึกเพื่อให้ตัวเองเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองทำ อย่างเช่นในสถาบันการเงินเมื่อมีองค์ความรู้ก็จะเสนอโปรดักท์ให้ความรู้ได้ถูกต้อง

อีกเรื่องคือการสร้างคุณธรรม สร้างให้มีจิตสำนึกความซื่อสัตย์ ก็จะช่วยให้สร้างสังคมที่ยั่งยืนได้ ดังนั้นเรียกว่าที่ผ่านมาการสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ คือการน้อมนำเอาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ด้วยการสร้างองค์ความรู้ และแพร่กระจายไปให้ผู้รับ พร้อมๆ กับการเน้นย้ำเรื่องความซื่อสัตย์ของพนักงาน

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังทำซีเอสอาร์ด้านอื่นๆ โดยตระหนักว่าที่ผ่านมาใช้ทรัพยากรสังคมให้เกิดประโยชน์ตัวเองแสวงหากำไร เมื่อเอามาใช้สิ่งที่ต้องทำก็ต้องมองโจทย์ตอบแทนสังคมอย่างไร แนวคิดของเราคือมองว่าพนักงานกว่า 4,000 คนที่มีอยู่ ทุกคนถือเป็นคนของสังคม บริษัทฯ จึงจะต้องทำอะไรให้พนักงานบ้าง เช่น สร้างคุณธรรม การเรียนรู้ ซึ่งจะทำให้ตัวของพนักงานเอาสิ่งที่ได้รับเหล่านี้ไปเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนสังคมและพัฒนาเศรษฐกิจออกไป

สังคมจะพัฒนาไปได้ก็ต้องมีความนึกคิดทางด้านจิตใจ ดังนั้นบริษัทฯ ก็ส่งเสริมด้านศิลปะให้เป็นการยกระดับทางด้านจิตใจด้วย

“ชูเกียรติ”ยึดเป็นหลักนำธุรกิจค้าข้าว

ด้านนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และกรรมการบริษัท ฮ่วยชวนค้าข้าว จำกัด กล่าวว่าสิ่งที่นำมาขับเคลื่อนธุรกิจอยู่ในปัจจุบันและเห็นชัดว่าเป็นประโยชน์เป็นผลที่ทำให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนได้นั้น คือการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่สอนให้เรียนรู้การดำเนินชีวิตผ่าน3ประเด็นหลักๆ คือการรู้จักพอควร มีเหตุมีผล และสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้ตัวเราเองมาปรับใช้กับวงการพืชไร่

นายชูเกียรติ กล่าวว่าธุรกิจข้าวนับเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงมากด้านการแข่งขันราคา โดยสิ่งที่บริษัทฯ กระทำมานานและยังเน้นหลักอยู่ในปัจจุบันคือการรับออเดอร์สินค้าอย่างมีเหตุและผล ทำในสิ่งที่ประเมินว่าทำได้ และไม่กระทบกับราคาตลาด

“เมื่อนานมาแล้วตั้งแต่สมัยคุณพ่อจนถึงปัจจุบันนี้บริษัทฯ ของเราก็ดำเนินธุรกิจภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทำทุกอย่างแบบมีเหตุมีผล รับออเดอร์ตามที่เราประเมินว่าเหมาะสม ผมทำพอประมาณ ไม่เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ ไม่ได้มองราคาหรือกำไรเป็นที่ตั้ง แต่กลับมองเรื่องการสร้างแบรนด์ สร้างความน่าเชื่อถือเป็นหลัก ซึ่งตอนนี้ก็ทำให้แบรนด์ข้าวของเราอยู่ได้ในตลาดต่างประเทศ เป็นที่รู้จักทั้งฮ่องกง สิงคโปร์ และจีน"