แก๊งคนมีสี อุ้มรีดเงินสาวร้านโอเกะ ไม่มีให้รุมข่มขืน

แก๊งคนมีสี อุ้มรีดเงินสาวร้านโอเกะ ไม่มีให้รุมข่มขืน

สาวชาวร่องคำ อาชีพพนง.คาราโอเกะ พัทยา โร่แจ้งความถูกกลุ่มชายฉกรรจ์แก๊งคนมีสี อุ้มตัวข่มขู่รีดเงิน2หมื่น ไม่มีให้ข่มขืนยับ

เมื่อเวลา 03.30 น. วันที่ 21 ต.ค. 59 ร.ต.อ.วัฒนา ประดิษฐ์ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจาก น.ส.เอ๋ นามสมมุติ อายุ 26 ปี ว่าตัวเองถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ ทำการจับกุมโดยไม่แจ้งข้อหา แล้วทำการข่มขู่รีดไถเงินเพื่อแลกอิสรภาพ และพาไปข่มขืนกระทำชำเรา

จากการสอบสวน น.ส.เอ๋ (นามสมมุติ) อายุ 26 ปี ชาว อ.ร่องคำ จ.กาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพเป็นพนักงานร้านคาราโอเกะ แห่งหนึ่งในเมืองพัทยา กระทั่งเวลาประมาณ 14.00 น. ของวันที่ 19 ต.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่ตนไปนั่งกินข้าวแล้วกำลังเดินกลับที่พักภายในซอย 8 เทพประสิทธิ์ จู่ๆ มีชายฉกรรจ์จำนวน 3 คน ขี่รถจักรยานยนต์ 2 คัน เข้ามาประกบโดยคันแรกเป็นชาย 1 คน ใส่เครื่องแบบคล้ายตำรวจ

ส่วนอีก 2 คน ใส่ชุดธรรมดา ได้เข้ามาจับกุมตน พาขึ้นนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปโดยไม่แจ้งถึงสาเหตุ แล้วได้พาไปซอยเปลี่ยวข้างฟามิงโก้ ก่อนที่จะพาไปบริเวณโครงการไนท์บาร์ซ่า ปากทางเทพประสิทธิ์ โดยบอกว่าเป็นเซฟเฮ้าท์ โดยชายที่ใส่เครื่องแบบคล้ายตำรวจได้ให้อีก 2 คนคอยเฝ้าตนไว้ และบังคับให้ตนนำเงินมาไถ่ตนเองจำนวน 20,000 บาท ตนเองไม่มีและไม่รู้จะหาที่ไหนมาให้ ซึ่งตนเองก็ถามว่า เป็นค่าอะไรทั้งหมดก็ไม่ยอมบอกว่าเป็นค่าอะไร พอตกช่วงค่ำทั้งหมดก็ได้พาตนออกจากโครงการดังกล่าว ที่บอกว่าเป็นเซฟเฮ้าท์ โดยบอกว่าจะพาไปอีกเซฟเฮ้าท์ ซึ่งลักษณะเป็นโรงแรม ย่านซอยโพธิสาร

จากนั้นก็ขู่บังคับให้ตนหาเงินมาให้จำนวน 5,000 บาท เพื่อจะได้ปล่อยตัวกลับไป ตนก็ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่มี หลังจากนั้นชายทั้ง 2 คนที่ไม่ได้ใส่เครื่องแบบก็ได้บังคับขืนใจจนสำเร็จความใคร่ทั้ง2 คน แล้วปล่อยตนกลับออกมาตอนช่วง 09.00 น. ของวันที่ 20 ต.ค. เพื่อให้มาหาเงินจำนวน 5,000 บาท 

โดยทั้ง 2 ได้ยึดบัตร ATM ของตนไว้เพื่อให้โอนเข้าบัญชี พร้อมขู่บังคับให้บอกเลขรหัสบัตร ATM หลังจากที่ทั้งหมดได้ปล่อยตัวตน จึงนำเรื่องดังกล่าวมาเล่าให้ผู้ใหญ่ฟัง และได้ไปร้องศูนย์ดำรงธรรม อ.บางละมุง ก่อนที่จะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี 

ภายหลังจาการสอบแล้วจึงได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน พร้อมประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบในจุดที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทราบตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้วโดย 1 ใน 3 เป็นอาจเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ ซึ่งจะได้ทำการเรียกตัวมาทำการสอบสวนและผู้ร่วมก่อเหตุ และจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย หากพบว่าได้ร่วมกันกระทำผิดจริงตามผู้เสียหายร้องทุกข์ก็จะดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป