‘ทีเอฟดี’ ซื้อหุ้นฮอทพอท10.22%

‘ทีเอฟดี’ ซื้อหุ้นฮอทพอท10.22%

"ทีเอฟดี-อภิชัย เตชะอุบล" ซื้อหุ้นฮอทพอท 10.22% ผ่านกระดานบิ๊กล็อต ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่ เตรียมสยายปีกธุรกิจอาหารเจาะตลาดเออีซีปีหน้า

บริษัท ฮอท พอท จำกัด(มหาชน) HOTPOT แจ้งว่า รายการซื้อขายหุ้นในกระดานใหญ่ (Big Lot) เมื่อวันที่8 ต.ค.2559 จำนวน 41.50 ล้านหุ้น หรือ 10.22% ราคาเฉลี่ย 2.80 บาท รวมมูลค่า 116.20 ล้านบาท นางสาวสกุณา บ่ายเจริญ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และดํารงตําแหน่งกรรมการ และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท เป็นผู้ทำรายการ โดยจำหน่ายให้แก่ นายอภิชัย เตชะอุบล จํานวน 32.40 ล้านหุ้น และบริษัท ไทยพัฒนาโรงงานอุตสาหกรรม จํากัด (มหาชน) TFD จํานวน 9.10 ล้านหุ้น

ทั้งนี้ หลังจากรายการขายหุ้น Big Lot แล้ว โครงสร้างของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทมีการเปลี่ยนแปลง

นายสมพล ฤกษ์วิบูลย์ศรีประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮอท พอท จำกัด (มหาชน) HOTPOT กล่าวว่า การทำรายการดังกล่าวจะทำให้บริษัทมีพันธมิตรใหม่ที่มีความเข้มแข็งเข้ามาร่วมดำเนินธุรกิจ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงในหลายๆ ด้าน ทั้งในด้านของการปรับปรุงสาขาให้มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขึ้น รวมถึงแผนการเข้าไปเปิดธุรกิจในต่างประเทศ โซนเออีซี และยุโรป เนื่องจากพันธมิตรใหม่ที่เข้ามานั้น มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจร้านอาหาร เพราะมีร้านอาหารอยู่ทั้งในและต่างประเทศอยู่แล้ว

ปัจจุบัน ฮอท พอท มีแบรนด์ร้านอาหารอยู่แล้ว 3 แบรนด์ คือ HOTPOT DAIDOMON และ SIGNATURE STEAK LOFT โดยในส่วนของ HOTPOT มีจำนวน 114สาขา DAIDOMON 10 สาขา และ SIGNATURE STEAK LOFT 17 สาขา

ส่วนของพันธมิตรใหม่ มีร้านอาหารอยู่แล้ว 3 แบรนด์ คือ Signor Sassi(ซินญอร์ ซาสซี่) ร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่มีชื่อเสียงในประเทศอังกฤษ ร้านอาหารเจิ้งโต่ว ซึ่งเป็นร้านอาหารจีน และ Burger & Lobster (เบอร์เกอร์แอนด์ล็อบสเตอร์) ที่มีแผนจะเปิดในประเทศไทยภายในต้นปี 2560 ที่ศูนย์การค้าเกษรพลาซ่า ซึ่งหลังจากที่ได้มาเป็นพันธมิตรกันแล้วก็จะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สร้างความแข็งแกร่งมากขึ้น โดยจะเริ่มจากการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์สาขาของ HOTPOT ให้มีความเป็นเอกลักษณ์มากขึ้น

“สำหรับตลาดในประเทศ บริษัทจะใช้กลยุทธ์เน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็นครอบครัว โดยเน้นการสร้างกิจกรรมการมีส่วนร่วมในการปรุงอาหารในลักษณ์ DIY และจะเน้นคอนเซปต์การเป็นอาหารสด สะอาด เน้นการรับประทานแบบธรรมชาติ หรือที่เรียกว่าอาหารคลีน เพื่อสุขภาพที่ดีของลูกค้า ซึ่งการเน้นคอนเซปต์อาหารคลีนนี้จะทำให้สามารถเจาะตลาดได้ทุกประเทศ ซึ่งจะทำให้รายได้ปีหน้าเติบโตดีขึ้น”