ปรับตัวลง

ปรับตัวลง

ลดพอร์ตลงบางส่วนบริเวณแนวต้าน เก็บหุ้นขนาดใหญ่ที่ในกลุ่มที่อิงกับการลงทุนและการบริโภคในประเทศ เก็งกำไรหุ้นกลุ่มน้ำมัน

UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ : ปรับตัวลง

ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ คาดว่าจะยังปรับตัวลงต่ออีกเล็กน้อย จากการขาดปัจจัยบวกใหม่ๆสนับสนุน และค่าเงินบาทวานนี้มีทิศทางอ่อนค่าลงอย่างเด่นชัดมากขึ้น เป็นสัญญาณเชิงลบต่อตลาดหุ้น เนื่องจากอาจบ่งชี้ถึงการทยอยไหลออกของเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติบางส่วน

แนวรับ/แนวต้าน : 1420/1470 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 70% : พอร์ตหุ้น 30%

กลยุทธ์ : ลดพอร์ตลงบางส่วนบริเวณแนวต้าน เก็บหุ้นขนาดใหญ่ที่ในกลุ่มที่อิงกับการลงทุนและการบริโภคในประเทศ เก็งกำไรหุ้นกลุ่มน้ำมัน

หุ้นแนะนำ

EGCO (220) : เราคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยไตรมาส 3/59 คาดรายได้จะเป็นจุดสูงสุดของปีจากโรงไฟฟ้าขนอม (KN4) ที่เริ่มรับรู้รายได้เต็มไตรมาส พร้อมทั้งคาดว่าจะ COD โรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ชัยภูมิกำลังการผลิต 90 MW ในช่วงไตรมาส 4/59 นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกส่วนต่อขยายของโรงไฟฟ้าขนอม และยังเป็นหุ้น Defensive play ในช่วงตลาดขาลง

PTT (405) : คาดได้รับผลประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการที่โอเปกบรรลุข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมัน ประกอบกับภาพรวมธุรกิจก๊าซที่คาดว่าจะดีขึ้นในช่วง 2H59 นอกจากนี้เราคาดว่า PTT จะได้ประโยชน์จาก พ.ร.บ. กองทุนน้ำมันใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในช่วงสิ้นปี 59 นี้

BCH (14.00) : คาดกำไร 3Q59 จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้ง qoq และ yoy จากช่วง high season และการรับรู้รายได้ประกันสังคมที่เลื่อนมาจากช่วง 2Q59 ทั้งนี้เราคาดกำไรปี 59 นี้ จะเติบโตก้าวกระโดดจาก การฟื้นตัวอย่างมากของ รพ. WMC การเติบโตของ รพ.ในเครือทั้งจำนวนผู้ป่วยนอกและใน การขึ้นค่ารักษาพยาบาล และจำนวนผู้ป่วยประกันสังคมที่เพิ่มขึ้น

TPCH (24.56) : เราคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการอยู่ในช่วงขาขึ้น จากโรงไฟฟ้าแห่งที่ 4 (TSG) คาดว่าจะ COD ได้ในช่วง 3Q59 และโรงไฟฟ้าอีก 2 โรง (PGP และ SGP) จะทยอย COD ในช่วงต้นปี 60 นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจาก 1) การเปลี่ยนระบบการรับซื้อราคาของโรงไฟฟ้าแห่งที่ 1 (CRB) จาก Adder เป็น Fit 2) โรงไฟฟ้าที่ปัตตานีซึ่งอยู่ระหว่างการขอ PPA 3) การประมูลโรงไฟฟ้าชีวมวลภาคใต้และรอบใหม่ๆ และ 4) การลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือกในต่างประเทศ

ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน

ปัจจัยภายในประเทศ

+ ธุรกิจท่องเที่ยว-สายการบินหวั่นคำเตือนคาร์บอมฉุดช่วงไฮซีซัน โรงแรม ศูนย์การค้า-สนามบิน-รถไฟฟ้า เฝ้าระวังความปลอดภัยเข้ม ขณะหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวร่วง รับข่าวกระทบรายได้ลด (กรุงเทพธุรกิจ)

+ “สมคิด” หารือ “แจ๊ค หม่า” ดันตั้งคณะทำงานร่วม 2 ฝ่ายผลักพันพัฒนาอีเอสเอ็มอี หนุนคนรุ่นใหม่ทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เผยประธานอาลีบาบา ชื่นชมโครงการอี-เพย์เม้นท์ของไทยปูทางการเงินดิจิทัลในอนาคต พร้อมแนะเคล็ดลับสู่ความสำเร็จทำธุรกิจต้องไม่ยอมแพ้ ระบุตัวเองเคยท้อนับหมื่นครั้ง แต่พยายามต่อ และต้องมองโลกเชิงบวก (กรุงเทพธุรกิจ)

+ ตลาดหลักทรัพย์เปิดผลสำรวจ 126 ซีอีโอ บริษัทจดทะเบียน ช่วง 6 เดือนหลังปี 59 พบส่วนใหญ่เชื่อมั่นมีแนวโน้มดีขึ้น คาดเศรษฐกิจปีนี้โต 2-4% หวังนโยบายการคลังและการใช้จ่ายภาครัฐ-การท่องเที่ยวปัจจัยหนุน ขณะที่ห่วงกำลังซื้อลด หนี้ครัวเรือนพุ่ง และเศรษฐกิจโลกซบ เป็นปัจจัยเสี่ยงฉุดเศรษฐกิจไทย ขณะที่ประเมินรายได้ปีนี้ขยายตัวเกิน 6% (กรุงเทพธุรกิจ)

+ พาณิชย์รื้อมาตรฐานข้าวไทย เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับประเทศคู่แข่ง แยกตลาดออกเป็น 3 กลุ่ม ระดับบน-กลาง-ล่าง มีผลบังคับใช้เดือนธันวาคมปีนี้ ทางด้านครม.ไฟเขียวปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ยกเลิกเงินช่วยเหลือค่าอ้อย เพิ่มกลไกใหม่ดูแลแบ่งปันผลประโยชน์ให้ชาวไร่อ้อยเพิ่มความเป็นธรรม (คมชัดลึก)

ปัจจัยต่างประเทศ

- ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงในวันอังคาร ขณะที่รายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทอัลโคสร้างแนวโน้มที่ซบเซาในช่วงเริ่มต้นการรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 200.38 จุดหรือ 1.09% สู่ 18,128.66, ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 26.93 จุดหรือ 1.24% สู่ 2,136.73 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวลง 81.89 จุดหรือ 1.54% สู่ 5,246.79 (รอยเตอร์)

- ดัชนี FTSE 100 ที่ตลาดหุ้นอังกฤษปิดร่วงลงในวันอังคาร โดยได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างไรก็ดี ดัชนีสามารถพุ่งขึ้นแตะสถิติสูงสุดใหม่ได้ในระหว่างวัน ในขณะที่ปอนด์ดิ่งลง นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นบริษัทขนาดกลางของอังกฤษก็สามารถปิดตลาดในแดนบวกได้ด้วย ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดร่วงลง 26.62 จุด หรือ 0.38 % สู่ 7,070.88 หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 7,061.36-7,129.83 โดยจุดสูงสุดของวันอังคารถือเป็นสถิติสูงสุดใหม่ (รอยเตอร์)

+ ดัชนีนิกเกอิที่ตลาดหุ้นโตเกียวปิดพุ่งขึ้นมาที่ระดับสูงสุดในรอบ 5 สัปดาห์ในวันอังคาร นำโดยหุ้นกลุ่มเหมือง หลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเมื่อวานนี้ และเยนที่อ่อนค่าช่วยเพิ่มความต้องการสินทรัพย์เสี่ยง ทั้งนี้ ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดพุ่งขึ้น 164.67 จุดหรือ 0.98% ที่ 17,024.76 (รอยเตอร์)

+ ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ดิ่งลงในวันอังคาร หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)ระบุว่า ทางกลุ่มพยายามจะบรรลุข้อตกลงระดับโลกในการจำกัดปริมาณการผลิตน้ำมันเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน แต่นักลงทุนไม่มั่นใจว่า มาตรการดังกล่าวจะสามารถบรรเทาภาวะน้ำมันดิบล้นตลาดโลกได้มากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน พ.ย.ดิ่งลง 56 เซนต์ หรือ 1 % มาปิดตลาดที่ 50.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (รอยเตอร์)