"เจแอลแอล"ชี้ภาษีที่ดินหนุนดีลซื้อขาย9เดือนพุ่ง

"เจแอลแอล"ชี้ภาษีที่ดินหนุนดีลซื้อขาย9เดือนพุ่ง

การบังคับใช้ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปี 2560 ทำให้บรรดาแลนด์ลอร์ด หรือ “เจ้าของที่ดิน” ที่ยังไม่มีแผนพัฒนาโครงการ เร่งปล่อย “เช่า-ขาย"

การบังคับใช้ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปี 2560 ทำให้บรรดาแลนด์ลอร์ด หรือ “เจ้าของที่ดิน” ที่ยังไม่มีแผนพัฒนาโครงการ ต่างเร่งปล่อย “เช่า” และ “ขาย” ออกมาอย่างต่อเนื่อง
สุพินท์ มีชูชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เจแอลแอล บริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ธุรกิจการให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา พบว่ากลุ่มบริการที่สร้างรายได้มาจากบริการตัวแทนซื้อขาย-ให้เช่าที่ดิน และอาคารเพื่อการลงทุน มีสัดส่วนสูงขึ้นมาก คิดเป็นมูลค่ารวม 1.6 หมื่นล้านบาท เพิ่ม “เท่าตัว” จากปีที่ผ่านมาดีลซื้อขายและให้เช่า มูลค่ารวม 7,000 ล้านบาท ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่เป็นการซื้อขายอาคาร โรงแรม อาคารสำนักงาน โรงงาน หรือโกดังสินค้า
ดีลการซื้อขาย-ที่ดินส่วนใหญ่อยู่ในย่านศูนย์กลางธุรกิจที่มีมูลค่าสูง!!
โดยดีลมูลค่าสูงสุดในปีนี้ คือ การปล่อยเช่าที่ดินขนาด 6 ไร่ บน 5.สีลม ของ บริษัท ศิวะดล จำกัด เป็นที่ตั้งของอาคารศรีบุญเรือง สัญญาเช่า 50 ปี ให้ นายณ์ เอสเตท และ ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งประกาศการร่วมลงทุนเพื่อสร้างอาคารสำนักงานเกรดเอ และร้านค้าเชิงพาณิชย์ (มิกซ์ยูส) คาดมีมูลค่าการพัฒนาโครงการกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท และดีลซื้อขายที่ดินอีก 3-4 แปลง มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด นอกจากนี้ ยังมีดีลการซื้อ-ขาย โรงแรม 3 แห่งในภูเก็ต มูลค่าเกือบ 2,000 ล้านบาท
การซื้อขายที่ดินเพิ่มสูงขึ้น ปัจจัยหลักมาจากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เตรียมบังคับใช้ในปี 2560 ทำให้เจ้าของที่ดินต้องเร่งปล่อยเช่าและขาย แต่ส่วนใหญ่เจ้าของที่ดินใจกลางเมืองเน้นให้เช่ามากกว่าขาย รองรับความต้องการของภาคธุรกิจที่มีการแตกไลน์เข้าสู่อสังหาฯ อย่างต่อเนื่อง เพราะมองเห็นโอกาสการลงทุน ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการรายเดิมในตลาดมีความต้องการเช่าที่ดินสร้างสำนักงานให้เช่าเพื่อสร้างรายได้ประจำ
“ภาษีที่ดินฯ ทำให้เทรนด์การลงทุนเปลี่ยนไป จากการซื้อที่ดินเปล่า หันมาซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างแล้วนำมาปรับปรุงใหม่ ที่สามารถสร้างรายได้ทันที และให้ผลตอบแทนมากกว่าเงินฝากดอกเบี้ย”
ในไตรมาส 4 บริษัทคาดว่าจะ “ปิดดีล” ให้เช่าที่ดิน 1 แปลงใหญ่ ย่านซีบีดี เนื้อที่ 6 ไร่ ซึ่งหากมีการซื้อขายแปลงนี้จะมีมูลค่า 4,800 -5,000 ล้านบาท โดยเจ้าของที่ดินเปิดประมูลให้เช่า 30 ปี ปัจจุบันมีผู้สนใจประมาณ 10 ราย คาดว่าจะพัฒนาเป็นอาคารสำนักงานและค้าปลีก หรือโรงแรม
ปี 2560 เจแอลแอล ยังมีดีลในการซื้อขายและเช่า รวม 5-6 ดีล เป็นดีลซื้อขายที่ดิน 2 แปลงใหญ่ โดย 1 แปลง อยู่ในซีบีดี เนื้อที่ 8 ไร่ และที่ดินเพื่อสร้างโรงงาน อีก 3-4 ดีล
ส่วนบริการตัวแทนปล่อยเช่าพื้นที่อาคารสำนักงาน เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สร้างรายได้เพิ่มขึ้นมากในปีนี้ ยอดรวมการปล่อยเช่าพื้นที่สำนักงานทั้งปีมากกว่า 1 แสนตร.ม. ทำให้รายได้ธุรกิจบริการด้านนี้ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 15-20% เนื่องจากธุรกรรมการเช่าส่วนใหญ่เป็นการเช่าพื้นที่ในอาคารสำนักงานเกรดเอ ซึ่งมีค่าเช่าเพิ่มสูงขึ้น
ปัจจุบันเจแอลแอลมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มบริการบริหารการจัดการอสังหาฯ ประมาณ 60% กลุ่มบริการตัวแทนซื้อขาย-ให้เช่า 30% ทั้งการซื้อขาย-ให้เช่าที่ดิน อาคารสำนักงาน โรงแรม ศูนย์การค้า ที่อยู่อาศัย โรงงานและโกดังสินค้า นอกจากนี้ มาจากกลุ่มบริการด้านการให้คำปรึกษาและบริการประเมินราคา 5% กลุ่มบริการบริหารโครงการก่อสร้าง-ออกแบบตกแต่ง 5%
เพื่อเสริมศักยภาพในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ไตรมาส 3 ที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าควบรวมกิจการของ บริษัท พีดีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจบริการให้คำปรึกษา วิเคราะห์ วางแผน และออกแบบตกแต่ง เสริมความแข็งแกร่งให้กลุ่มธรุกิจบริการและโครงการก่อสร้าง-ออกแบบตกแต่งที่มีอยู่เดิม
สุพินท์ กล่าวต่อว่า เจแอลแอล มุ่งลงทุนด้านเทคโนโลยี โดยนำระบบซอร์ฟแวร์เข้ามาให้บริการลูกค้าและพัฒนาระบบการบริหารการจัดการฐานข้อมูลลูกค้า เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้า และมีแผนพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น
รวมถึง “การซื้อกิจการ” เพื่อขยายฐานลูกค้าเจแอลแอล