MORNING CALL ACTION NOTES (7 ต.ค.59)

SET วานนี้ปรับตัวขึ้นจากกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นใกล้ 50 US/Barrel รวมถึงแรงซื้อหุ้นกลุ่มที่คาดว่ากำไร Q3/59 จะเติบโตขึ้น ส่งผลให้ SET ปิดที่ 1,513.86 จุด (+3.94 จุด) Vol. 5 หมื่นลบ.โดย Foreign Net -471 ลบ.,TFEX Net +4,662 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+/- ตลาดหุ้นDJ อ่อนตัวลง หลังยอดผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกปรับตัวลดลง 5,000 ราย สู่ 249,000 ราย ต่ำสุดในรอบ 43 ปี รวมถึงรอตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งจะมีผลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED (คาดเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.9%)

+ ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นล่าสุด 50.5 US/Barrel หลังพายุเฮอร์ริเคน "แมทธิว" ทวีความรุนแรงถึงระดับ 4 ซึ่งคาดว่าจะสร้างความเสียหายต่อการผลิตน้ำมันในพื้นที่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐ

+ ECB ปฏิเสธข่าวลือการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตร (QE)

- IMF ชี้ประเทศต่างๆทั่วโลกมีหนี้ท่วมสูงเป็นประวัติการณ์ 152 ล้านล้านดอลล์ ( 225% ของ GDP) โดยเพิ่มขึ้น 200% จากปี 2002

- ดอยซ์แบงก์ปลดพนักงาน 9,000 คนทั่วโลก ท่ามกลางมรสุมการเงิน

- แนวโน้มเงินบาทอ่อนค่าลงล่าสุด 34.8 Bath/USD. อาจกระทบต่อกระแส Fund Flow ต่างชาติ

** ตลาดหุ้นจีนปิดทำการสัปดาห์นี้ เนื่องในวันหยุดเฉลิมฉลองวันชาติ

ตลาดหุ้นไทยได้ปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นเหนือ 50 US/Barrel และ ECB ปฏิเสธข่าวลดวงเงิน QE อย่างไรก็ตามแรงกดดันจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงส่งผลให้ Foreign พลิกเป็น Net Sell รวมถึงความกังวลตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯหากออกมาดีจะกระตุ้นให้ FED ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,505 - 1,525 จุด

กลยุทธ์การลงทุน ซื้อเก็งกำไรแบบ Selective Buy

- กลุ่มพลังงาน ราคาน้ำมันดิลพุ่งขึ้นเหนือ 50 US/Barrel

- BANPU LANNA EARTH AGE ราคาถ่านหินขึ้นทำ High ในรอบ 2 ปี ล่าสุด 84.8 US/Ton หลังจีนเร่งแก้ปัญหาโอเวอร์ซัพพลาย

- กลุ่มเดินเรือ (TTA PSL) ค่าระวางปรับตัวขึ้น 46 จุด ล่าสุด 915 จุด

- กลุ่มนิคม WHA AMATA ROJNA TFD TICON อานิสงส์รัฐอนุมัติลงทุนเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก 1.5 ล้านล้านบาท

- กลุ่มธนาคารที่ปล่อยสินเชื่อ Leasing สูง (TCAP KKP TISCO) คาดกำไร Q3/59 เติบโตขึ้นจากการตั้งสำรองลดลง

หุ้นแนะนำพิเศษ

SMT ราคาปิด 6.45 บาท ราคา Consensus 6.9 – 8.25 บาท

- Consensus คาดปี 2559 Turnaround พลิกมีกำไรราว 200 ลบ. จากสินค้า Value added (margin สูง) โดยเฉพาะ IC Packaging / Wafer dicing ที่เติบโตสูงมาก แม้ว่าสินค้าฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์จะมียอดขายลดลงมาก (margin ต่ำ)

- เตรียมเซ็นเป็นตัวแทนขาย Solar Panel ให้บ.ใหญ่ในอเมริกา โดยโรงงานผลิต Solar Panel Generation 3 กำลังการผลิตที่ 40 เมกะวัตต์ (MW) คาดว่าจะเสร็จเดือนต.ค. และเริ่มเดิมเครื่องในเดือนพ.ย. ซึ่งจะรับรู้รายได้ไปอีก 3 ปีข้างหน้า (ทั้งนี้บริษัทมีเป้าขยายถึง 200 MW )

- บริษัทเตรียมขยายกำลังการผลิตเพิ่มในปี 2560 อีก 30-40% ในกลุ่มสินค้าประเภท high margin เช่น IC Packaging / Wafer dicing

หุ้นมีข่าว

- UREKA คาดแนวโน้มผลงาน H2/59 โตว่า H1/59,จ้าง"พีเอ็นไครส์"ถ่ายทอดเทคโนโลยีสร้างระบบคลังสินค้าหวังต่อยอดธุรกิจ

- ESSO คาดยอดขายน้ำมันค้าปลีกกลับมาเติบโตเท่าตลาดที่ 5% ในปี 60 หลังรุกปรับปรุงปั๊ม-ออกน้ำมันสูตรใหม่หนุน

Analyst Meeting : BBL (ราคาปิด 166.50 , ซื้อ ราคาเหมาะสม 192 บาท)

-  สินเชื่อปลาย Q3/59 ทรงตัวQoQ แต่ผู้บริหารเชื่อว่าQ4 จะขยายตัวได้ตามเป้าขั้นต่ำที่ 3% ผลกระทบจากภาวะศก.ชะลอตัวทำให้NPL มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแต่ธนาคารเชื่อว่าจัดการได้ ทำให้ Q3/59 มีแนวโน้มตั้งสำรองหนี้สูญส่วนเพิ่มทำให้สำรองหนี้สูญใกล้เคียง Q3/58 (เกือบ 4,900 ลบ.) ส่งผลให้คชจ.สำรองทั้งปีอยู่ที่ราว 1.47 หมื่นลบ. ใกล้เคียงกับปี 58 ที่เท่ากับ 14,654 ลบ. และสูงกว่าสมมติฐานของฝ่ายวิจัยที่ระดับ 1.35 หมื่นลบ. ฝ่ายวิจัยคาดกำไร Q3/59 เกือบ 7 พันลบ. -23%YoY และ -2%QoQ และจากการเพิ่มสมมติฐานเป็น 1.47 หมื่นลบ. ส่งผลให้ประมาณการกำไรปี 59 ใหม่ลดลง 6% เหลือ 3.3 หมื่นลบ.หดตัว 3%YoY และราคาเหมาะสมปี 60 ซึ่งอิง PBV 0.9 เท่าได้เท่ากับ 192 บาท

Analyst Meeting : KTB (ราคาปิด 18.2 บาท , ถือ ราคาเหมาะสม 19 บาท)

- Q3 สินเชื่อภาครัฐมีแนวโน้มทรงตัว แต่การกู้จากกลุ่ม SME และรายย่อยลดลง ทำให้การปล่อยสินเชื่อโดยรวมค่อนข้างแผ่ว คาดปลายปีสินเชื่อน่าจะลดลงเล็กน้อยจากปลายปีก่อน ขณะที่ NPL เพิ่มขึ้นไม่มากแต่ผู้บริหารมีนโยบายเพิ่ม coverage ratio ให้ปรับขึ้นมาใกล้เคียง 130% จากปจบ. 100% จึงมีแนวโน้มตั้งสำรองหนี้สูญเพิ่มในไตรมาสนี้ ฝ่ายวิจัยใช้สมมติฐานสำรองหนี้สูญ 9 พันลบ.แม้เพิ่มขึ้น 16%QoQ แต่ลดลง 14%YoY เนื่องจาก Q3/58 มีกรณีลูกหนี้ SSI ที่ตั้งสำรองเพิ่มขึ้นสูงมาก ประมาณการกำไร Q3 อยู่ที่ราว 7.8 พันลบ.เพิ่มขึ้น 45%YoY แต่ลดลง 11%QoQ โดยยังคงประมาณการกำไรปี 59 ตามเดิมที่ 2.8 หมื่นลบ.เนื่องจากสมมติฐานสำรองหนี้สูญปี 59 ที่ 3.2 หมื่นลบ.น่าจะเพียงพอ ขณะที่ประมาณการสำรองหนี้สูญในช่วง 9M59 ราว 2.5 หมื่นลบ.คิดเป็น 79% ของประมาณการทั้งปี ราคาเหมาะสมสำหรับปี 60 ซึ่งอิง PBV ที่ 0.9 เท่าได้เท่ากับ 19 บาทสำหรับปี 60 คงคำแนะนำถือ

- BANPU (แนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 20 บาท) ได้ประโยชน์จากการเข้าจดทะเบียนของ BPP โดยผู้ถือหุ้น BANPU ที่ได้รับสิทธิ์ในการซื้อหุ้น BPP ที่ราคา 18-21 บาท ฝ่ายวิจัยมีความเห็นว่าผู้ถือหุ้น BANPU ควรซื้อหุ้น BPP เพราะธุรกิจโรงไฟฟ้าเป็นธุรกิจที่มั่งคงและสร้างกระแสเงินสดอย่างสม่ำเสมอซึ่งเราคาดว่าหุ้น BPP จะเป็นหุ้น Defensive เหมือนโรงไฟฟ้าใหญ่อื่น ๆ (RATCH EGCO GLOW และ GPSC) ซึ่งมีอัตราจ่ายปันผล 3-4% ต่อปี นอกจากนี้ผู้บริหาร BPP ยังตั้งเป้าขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องจากในปัจจุบันที่ 2.4 GW สู่ระดับ 4.3 GW ภายในปี 2025 ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อผลประกอบการในอนาคตเพิ่มเติม

- ประเด็นบวกกลุ่มรับเหมา (แนะนำ ซื้อ CK ราคาเหมาะสม 38 บาท) ชิงเค้กงานก่อสร้างรถไฟทางคู่ “ประจวบ-ชุมพร มาบกะเบา-จิระ” วงเงินรวม 46,699 ล้านบาท จ่อเปิดประมูลภายในเดือน ต.ค.นี้ ที่มาข่าวหุ้น

- SELIC เคาะราคา IPO ที่ 2.90 บ.จองซื้อ 10-12 ต.ค.เข้าเทรด 18 ต.ค.นี้ ซึ่ง Globlex Securities เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ซึ่งจะได้รับค่าธรรมเนียมในฐานะผู้จัดจำหน่าย

- ALT เผยชนะคดีสัญญาเช้าโครงข่าย ศาลสั่งคู่กรณีชดใช้เงินรายเดือนย้อนหลังถึง ก.พ.56

ตลาดหุ้นดาวโจนส์ -12.53 จุด

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,268.50 จุด ลดลง 12.53 จุด หรือ -0.07% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,306.85 จุด ลดลง 9.17 จุด หรือ -0.17% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,160.77 จุด เพิ่มขึ้น 1.04 จุด หรือ +0.05% เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ย.ในวันนี้ โดยข้อมูลดังกล่าวจะเป็นตัวบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือเรื่องการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตร



ตลาดน้ำมัน NYMEX +0.61 ดอลลาร์/บาร์เรล

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้น 61 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 50.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.ปีนี้ หลังจากมีรายงานว่า พายุเฮอร์ริเคน "แมทธิว" ได้ทวีความรุนแรงจนถึงระดับ 4 แล้ว ซึ่งส่งผลให้การคาดการณ์ว่าจะสร้างความเสียหายต่อการผลิตน้ำมันในพื้นที่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้ปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5