ปรับขึ้นเล็กน้อย

ปรับขึ้นเล็กน้อย

ลดพอร์ตลงบางส่วนบริเวณแนวต้าน เก็บหุ้นขนาดใหญ่ที่ในกลุ่มที่อิงกับการลงทุนและการบริโภคในประเทศ เก็งกำไรหุ้นกลุ่มน้ำมัน

UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ :  ปรับขึ้นเล็กน้อย

ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ คาดว่าจะปรับขึ้นเล็กน้อย จากแรงเก็งกำไรหุ้นกลุ่มน้ำมัน หลังจาก OPEC ได้ตัดสินใจจะจำกัดการผลิตน้ำมันที่ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งลดลงจากเดิม 750,000 บาร์เรล/วัน และจะมีการพิจารณาเรื่องโควต้าการผลิตของแต่ละประเทศสมาชิกในการประชุมครั้งต่อไปวันที่ 30 พ.ย. 2559 อีกทั้งอยู่ในช่วงสัปดาห์ของการทำ Window dressing สำหรับสิ้นไตรมาสที่ 3/59 นอกจากนี้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น ด้านนักลงทุนต่างชาติวานนี้กลับมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยที่ 767 ล้านบาท

แนวรับ/แนวต้าน : 1470/1500 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 70% : พอร์ตหุ้น 30%

กลยุทธ์ : ลดพอร์ตลงบางส่วนบริเวณแนวต้าน เก็บหุ้นขนาดใหญ่ที่ในกลุ่มที่อิงกับการลงทุนและการบริโภคในประเทศ เก็งกำไรหุ้นกลุ่มน้ำมัน

หุ้นแนะนำ

PTT (405) : คาดได้รับผลประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการที่โอเปกบรรลุข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมัน ประกอบกับภาพรวมธุรกิจก๊าซที่คาดว่าจะดีขึ้นในช่วง 2H59 นอกจากนี้เราคาดว่า PTT จะได้ประโยชน์จาก พ.ร.บ. กองทุนน้ำมันใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในช่วงสิ้นปี 59 นี้

AGE (1.90) : คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและจะฟื้นตัวอย่างชัดเจนในช่วง 3Q59 จากราคาถ่านหินที่ผ่านช่วงต่ำสุดไปแล้วจากช่วงต้นปีที่ระดับ 49-50 เหรียญ/ตัน มาอยู่ที่ประมาณ 74 เหรียญ/ตัน (+48%) และการลดต้นทุนในการดำเนินงาน

BCH (14.00) : คาดกำไร 3Q59 จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั้ง qoq และ yoy จากช่วง high season และการรับรู้รายได้ประกันสังคมที่เลื่อนมาจากช่วง 2Q59 ทั้งนี้เราคาดกำไรปี 59 นี้ จะเติบโตก้าวกระโดดจาก การฟื้นตัวอย่างมากของ รพ. WMC การเติบโตของ รพ.ในเครือทั้งจำนวนผู้ป่วยนอกและใน การขึ้นค่ารักษาพยาบาล และจำนวนผู้ป่วยประกันสังคมที่เพิ่มขึ้น

TPCH (24.56) : เราคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการอยู่ในช่วงขาขึ้น จากโรงไฟฟ้าแห่งที่ 4 (TSG) คาดว่าจะ COD ได้ในช่วง 3Q59 และโรงไฟฟ้าอีก 2 โรง (PGP และ SGP) จะทยอย COD ในช่วงต้นปี 60 นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจาก 1) การเปลี่ยนระบบการรับซื้อราคาของโรงไฟฟ้าแห่งที่ 1 (CRB) จาก Adder เป็น Fit 2) โรงไฟฟ้าที่ปัตตานีซึ่งอยู่ระหว่างการขอ PPA 3) การประมูลโรงไฟฟ้าชีวมวลภาคใต้และรอบใหม่ๆ และ 4) การลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือกในต่างประเทศ


ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน

ปัจจัยภายในประเทศ

- “ดับเบิลยูอีเอฟ” จัดอันดับขีดแข่งขันไทยที่ 32 ลดลง 2 อันดับ ประเมินสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจมหภาคแข็งแกร่ง คอร์รัปชัน-ประสิทธิภาพรัฐบาลดีขึ้น แต่ต้องเร่งสร้างนวัตกรรม รองรับอุตสาหกรรม 4.0 ด้าน “สมคิด-สุวิทย์” มั่นใจปีหน้าดีขึ้น หลังลงทุนภาครัฐเห็นผล ขณะเอกชนชี้ต้องใช้เวลา เชื่อนโยบายรัฐบาลถูกทาง 

+ “กูเกิล” ยักษ์อินเทอร์เน็ต ขยับเก็บภาพ “อินดอร์ สตรีท วิว” จับมือห้างดังทั่วไทย เปิดช่องนักท่องเที่ยวส่องภาพร้านค้าเป้าหมาย เบื้องต้นดูได้แล้ว 15 แห่ง 3 จังหวัด บิ๊กเอ็มโพเรี่ยม คาดเทคโนโลยีใหม่ช่วยปั๊มยอดนักท่องเที่ยวเพิ่ม 10-15% ใน 6 เดือน

+ ทล.เตรียมเปิดประมูลมอเตอร์เวย์ 2 สาย บางปะอิน-โคราช และบางใหญ่-กาญจนบุรี เม็ดเงินรวมกว่า 6 หมื่นล้านภายใน ต.ค.นี้ พร้อมแจงโครงการพีพีพีด่านเก็บค่าผ่านทางยังติดปมปัญหาข้อกฎหมาย คาดกฤษฎีกาชี้ขาดภายใน พ.ย.นี้ ยันหากไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ ทล.มีความพร้อมลงทุนเอง

ปัจจัยต่างประเทศ

+ ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับตัวขึ้นในวันพุธ หลังข้อตกลงจำกัดการผลิตน้ำมันดิบของโอเปกหนุนราคาน้ำมันทะยานขึ้น ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 4.34% หลังโอเปกบรรลุข้อตกลงลดการผลิตน้ำมันลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2008 ขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นมากถึง 6% ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 110.94 จุดหรือ 0.61% สู่ 18,339.24, ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 11.44 จุดหรือ 0.53% สู่ 2,171.37 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวขึ้น 12.84 จุดหรือ 0.24% สู่ 5,318.55

+ ดัชนี FTSE 100 ที่ตลาดหุ้นอังกฤษปิดบวกขึ้นในวันพุธ หลังจากเพิ่งดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดรอบหนึ่งสัปดาห์ในวันอังคาร โดยหุ้นสมิธส์ กรุ๊ปซึ่งเป็นบริษัทวิศวกรรมพุ่งขึ้น หลังจากสมิธส์ กรุ๊ปเปิดเผยผลกำไรที่สูงเกินคาด ทางด้านหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ทะยานขึ้นตามราคาโลหะ ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดบวกขึ้น 41.71 จุด หรือ 0.61 % สู่ 6,849.38 หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 6,807.67-6,878.21 โดยดัชนีพุ่งขึ้นมาแล้วราว 10 % จากช่วงต้นปีนี้

- ตลาดหุ้นโตเกียวร่วงลงในวันพุธ โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของเยนในระยะนี้ และจากการที่หุ้นบางตัวขึ้นเครื่องหมาย XD ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดร่วง 218.53 จุด หรือ 1.31% สู่ระดับ 16,465.40 โดยการขึ้นเครื่องหมาย XD ส่งผลลบราว 115-120 จุดต่อดัชนีนิกเกอิ

- ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX พุ่งขึ้น 5.3 % ในวันพุธ หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) บรรลุข้อตกลงกันว่าจะมีการจำกัดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในการประชุมในเดือนพ.ย. ซึ่งจะถือเป็นการทำข้อตกลงปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2008 ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 2.38 ดอลลาร์ หรือ 5.3 % มาปิดตลาดที่ 47.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 44.35-47.45 ดอลลาร์ โดยจุดสูงสุดของวันพุธถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย.