สู้วิกฤตยางฯ เกษตรกรหันเลี้ยง 'กุ้งก้ามแดง' รายได้ดี

สู้วิกฤตยางฯ เกษตรกรหันเลี้ยง 'กุ้งก้ามแดง' รายได้ดี

จากวิกฤตปัญหาราคายาง ตกต่ำมาอย่างต่อเนื่อง เกษตรกรหนุ่มใหญ่ชาวสวนยางพารา หันเลี้ยงกุ้งก้ามแดงรายได้ดี

เกษตรกรหนุ่มใหญ่ชาวสวนยางพารา อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ไม่ย่อท้อหันมาปลูกมะละกอ และ แตงโมแซมในสวนยางพาราตามนโยบายรัฐ แต่ไม่ประสพผลสำเร็จแถมยังขาดทุนยับ เลยหันมาศึกษาการเพาะเลี้ยงกุ้งล็อบสเตอร์น้ำจืด หรือ กุ้งก้ามแดง ลงทุน 30,000 บาทเลี้ยงมา 5 เดือนขายลูกกุ้งสร้างรายได้สัปดาห์ละกว่า 20,000 บาทหรือเดือนละกว่า 100,000 บาทเตรียมขยายพื้นที่สร้างรายได้เพิ่ม

นายสมจิตร รักขนาม อายุ 43 ปี เกษตรกรชาวสวนยางพารา ในพื้นที่ หมู่ที่ 9 ตำบลบ้านส้อง อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เปิดเผยว่า ตนมีอาชีพเกษตรกรปลูกยางพารา และปาล์มน้ำมันในพื้นที่ 5 ไร่ และยังแบ่งพื้นที่ทำแปลงเพาะพันธุ์ต้นกล้ายางขาย แต่หลังจากปัญหาราคายางพารา และผลิตปาล์มน้ำมันตกต่ออย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อยอดการจำหน่ายต้นกล้าพันธุ์ยาง ที่เคยขายได้ในราคาต้นละ 50 บาท ตกลงมาเหลือไม่ถึงต้นละ 20 บาท ตนได้ตัดสินใจหารายได้เสริม เพื่อมาจุนเจือครอบครัวโดยเริ่มทำการปลูกมะละกอ แซมในร่องสวนยางพาราตามนโยบายของรัฐบาล แต่การปลูกมะละกอก็ต้องประสพปัญหา การขาดทุนจากราคาท้องตลาดไม่ดี ต่อมาได้ตัดสินใจหันมาปลูกแตงโมก็ขาดทุนเช่นเคย ก็เลยไม่รู้จะปลูกอะไรดี 

จนมาวันหนึ่งได้นั่งดูข่าวในทีวีพบว่า มีการส่งเสริมการเลี้ยงกุ้งล็อบเตอร์น้ำจืดหรือกุ้งก้ามแดง มีตลาดรองรับมีราคาสูง การเลี้ยงก็ไม่ยุ่งยากอัตราการรอดมีสูง เลยหันมาศึกษาหาความรู้จากอินเตอร์เน็ต พร้อมกับสั่งลูกกุ้งมาจากฟาร์มแห่งหนึ่ง ในจังหวัดชลบุรีจำนวน 300 ตัวและพ่อพันธุ์แม่พันธุ์จำนวน 20 คู่ โดยลงทุนประมาณ 30,000 บาท โดยครั้งรกก็ใช้วัสดุที่มีอยู่เช่นกาละมังและวัตถุที่ใส่น้ำได้ เมื่อทดลองเเลี้ยงเห็นว่าได้ผลจึงเริ่มสร้างบ่อซีเมนต์ขนาด 3 x 3 เมตรจำนวน 9 บ่อ ปัจจุบันมีพ่อแม่พันธุ์กว่า 300 คู่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตขายลูกกุ้งโดยเริ่มขนาด 1 นิ้วในราคาตัวละ 25 บาท ขนาด 3 นิ้วคู่ละ 400 บาท 7 วันหรือ 1 สัปดาห์สามารถขายได้กว่า 20,000 บาท โดยทั่วเฉลี่ย 1 เดือนมีรายได้กว่า 100,000 บาท

โดยนายสมจิตรได้เปรียบเทียบระหว่างการขายผลผลิตยางพาราและปาล์มน้ำมัน หรือการเพาะต้นพันธุ์กล้ายางนั้น จะต้องใช้เวลาประมาณ 1 ปีจึงจะขายได้ ส่วนการเพาะขายลูกกุ้งล็อบเตอร์น้ำจืดใช้เวลา 40 กว่าวันก็สามารถขายลูกกุ้งได้แล้ว จึงมีรายได้ที่ดีกว่าหลายเท่าตัว จึงอยากจะชวนเกษตรกรชาวสวนยาง หันมาเพาะเลี้ยงกุ้งล็อบเตอร์น้ำจืดกันดีกว่า เนื่องจากตลาดยังมีความต้องการสูง และราคาสูงถึงกิโลกรัมละกว่า 1,000 บาท หากผู้ใดสนใจสามารถศึกษาวิธีการเลี้ยงได้ที่ตน ตนพร้อมที่จะแนะนำวิธีการเลี้ยงที่ถูกต้องให้แก่ทุกคนที่สนใจ

สำหรับ ล็อบสเตอร์น้ำจืด” “กุ้งก้ามแดง” “กุ้งเครฟิช” หรือ“หรือกุ้งมังกรน้ำจืด”นับว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่มาแรงต้นทุนต่ำ แต่ราคาขายสูงตลาดผู้บริโภคมีความต้องการเป็นอย่างมาก เนื่องจากกุ้งล็อบเตอร์น้ำจืด เนื้อกุ้งมีรสชาดที่อร่อยกว่ากุ้งน้ำจืดชนิดอื่น