'สมคิด'มอบนโยบาย1ตำบล1SME

ที่ศูนย์แสดงและจำหน่ายสินค้าเกเซรามิคและหัตถกรรม อ.เกาะคา จ.ลำปาง ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เดินทางประธานเปิดงาน ขับเคลื่อนโครงการ 1 ตำบล 1 SME เกษตร 17 จังหวัดภาคเหนือ พร้อมมอบนโยบายเศรษฐกิจชุมชนและการขับเคลื่อนโครงการฯ เพื่อสร้างเกษตรกรไทยให้เข้มแข็ง เป็นเกษตร 4.0 มีความทันสมัยและยั่งยืนด้วยตนเอง 

ภายในงานมีการเสวนา “เส้นทางสู่ความสำเร็จSMEเกษตรไทย” คลินิคให้คำปรึกษาสินเชื่อ ด้านการเงิน การตลาด และนิทรรศการ SME เกษตร โดยมีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เป็นเจ้าภาพหลักในการจัดงานดังกล่าว จากนั้นนายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ได้กล่าวรายงานต่อรองนายกรัฐมนตรี

 นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กล่าวถึงวัตถุประสงค์ว่า ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้ขับเคลื่อนโครงการ 1 ตำบล 1 SME เกษตรเพื่อสร้าง ความยั่งยืนของภาคเกษตรไทย ซึ่งสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรโดยการพัฒนาขีดความสามารถความรู้การผลิต การตลาดอย่างครบวงจร เพื่อสร้างความยั่งยืนของภาคเกษตรไทย โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรได้ดำเนินการตามนโยบายที่รัฐบาลสนับสนุนสินเชื่อเพื่อสร้างความยั่งยืนของภาคเกษตรไทย ส่งเสริมการประกอบชีพหรือชุมชนพัฒนาผลผลิตหรือผลิตภัณฑ์ของเกษตรกรหรือชุมชนเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าเกษตรในกระบวนการผลิต การรวบรวมการตลาด และการบริการ เพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ที่ร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาและยกระดับคุณภาพเศรษฐกิจฐานรากของรัฐบาล

 ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังเป็นประธานเปิดโครงการว่า ดีใจมาก เมื่อเห็นแนวความคิดของพี่น้องเกษตรไทยทั้งหลาย สามารถออกดอกออกผลเห็นเป็นรูปธรรม ธกส.กับตนมีความผูกพันธ์กันมานาน เมื่อ 15 ปีที่แล้ว เมื่อครั้งเป็นรมว.คลังและเป็นประธานธกส. ตนได้ให้นโยบาย ว่า เราไม่ใช่เป็นแค่ธนาคารแต่เราต้องเป็นกำลังหลักให้เกษตรกรพึ่งพาเรา และต้องพัฒนาปฎิรูปการเกษตรของเราให้รุ่งเรือง มั่งคั่ง ต้องให้เกษตรรักใคร่เป็นที่พึ่ง 

ในขณะนั้นตนกำลังทำเรื่องของโอทอป เสนอชื่อโอทอป สร้างวิสาหกิจชุมชนทำให้ท้องถิ่นมีความเข้มแข็ง กำลังหลักที่ทำให้โอทอปเกิดขึ้น ตนพยายามสร้างโครงการ 3 ประสาน คือ ธกส. ธนาคารSME และธนาคารออมสิน ร่วมมือ ร่วมแรงทุกอย่างร่วมกันร่วมผลักดันดูแลให้เกษตรกรสามารถสร้างตัวขึ้นมาได้

"ที่ผมมาในวันนี้ไม่ได้มามอบนโยบายแต่มาบอกเล่าพูดคุย ตั้งใจมาโดยเฉพาะ ทั้งพี่น้องเกษตรกร ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ธกส.ว่าท่านมีความสำคัญและเป็นความหวัง ช่วงหลังเศรษฐกินไม่ค่อยจะดี แต่ไม่ค่อยดีมาหลายปีแล้วยิ่งหนักกว่าเดิมเศรษฐกิจโลกไม่ดี ดังนั้นเกือบ 1 ปี ที่มาช่วยงานท่านนายกรัฐมนตรี เราสามารถทำให้เศรษฐกิจเราเติบโตในขณะที่โลกทั้งโลกกำลังถดถอยเติบโตจาก 0.8เปอรเซ็นต์ กลายเป็น 3.2 เปอร์เซ็นเมื่อต้นปี และ 3.5 เปอร์เซ็น เมื่อตอนกลางปี " ดร.สมคิด กล่าว

ดร.สมคิด กล่าวต่อว่า ทุกคนต้องทำงานอย่างหนักเพื่อป้องกันดูแลเศรษฐกิจไทย ไม่ให้ทรุดไปกับกระแสโลก ซึ่งได้แถลงนโยบายไปแล้วว่า แม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะดีขึ้น แต่เกษตรกรไทยนั้นยังคงลำบากอยู่พอสมควรซึ่งรัฐบาลจะต้องรีบดูแลให้สามารถยืนหยัดให้ได้ ที่ผ่านมาเราโชคร้ายที่ไม่เพียงสินค้าเกษตรตกต่ำแล้วยังมีที่ภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยของธรรมชาติทำให้รายได้ของเกษตรกรจึงไม่ค่อยดี รัฐบาลกำลังดูว่าจะทำอย่างไรให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นมีรายจ่ายน้อยลง 

“เพราะฉะนั้น ในช่วงระยะสั้น เราจะช่วยกันประคับประคองให้อยู่ได้ ให้เติบโต เพื่อให้พี่น้องของเรามีชีวิตและยืนหยัดอยู่ได้ แต่ถ้าเราต้องการให้ประเทศอยู่ได้เศรษฐกิจดี เราต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิของเราโดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องสร้างความเจริญเติบโตจากภายในประเทศนั่นคือต้องเน้นไปที่เศรษฐกิจท้องถิ่น ถ้าต้องการให้เศรษฐกิจท้องถิ่นแข็งแรง นโยบายของรัฐบาลนี้ เราให้สำคัญกับการสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก” ดร.สมคิดกล่าว