‘เรดดี้แพลนเน็ต’ดึงไลน์แอดลุยการตลาดดิจิทัล

‘เรดดี้แพลนเน็ต’ดึงไลน์แอดลุยการตลาดดิจิทัล

“เรดดี้แพลนเน็ต” รุกบริการดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง เปิดคอร์สอบรมใช้งาน “ไลน์แอด” เจาะธุรกิจเอสเอ็มอี ชี้แอพไลน์อิทธิพลสูง-เข้าถึงได้วงกว้าง

นายบุรินทร์ เกล็ดมณี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เรดดี้แพลนเน็ต จำกัด กล่าวว่า บริษัทขยายบริการด้านดิจิทัลเทรนนิ่ง ล่าสุดเปิดตัวคอร์สอบรมการใช้งาน ไลน์แอด (Line@) สำหรับธุรกิจเอสเอ็มอีและผู้สนใจ


ทั้งนี้ สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคไทยมีความเฉพาะตัว ก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าบนโลกออนไลน์ต้องรับรู้ว่ามีสินค้านั้นอยู่ เกิดความสนใจ ได้เข้าไปพิจารณาจริงจัง เปรียบเทียบ รวมถึงพูดคุยกับคนขาย ต่างกับต่างประเทศที่เป็นตลาดเติบโตแล้วนิยมซื้อบนเว็บไซต์และจ่ายด้วยบัตรเครดิต
คอร์สอบรมดังกล่าวจะมีส่วนเข้ามาสนับสนุนอย่างมาก เนื่องจากไลน์เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลัง เข้าถึงกลุ่มคนได้กว้างและหลากหลาย ปัจจุบันผู้ใช้งานแอพพลิเคชั่นไลน์ในประเทศไทยมีอยู่กว่า 33 ล้านราย คิดเป็นสัดส่วน 83% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ หรือสัดส่วนกว่า 53% ของประชากรไทย

ขณะนี้ เรดดี้แพลนเน็ตมีบุคลากรผู้เชี่ยวชาญซึ่งผ่านการอบรมและได้รับประกาศนียบัตร “Line@ Certified Trainer” จากไลน์ 3 ราย

ด้านกลุ่มเป้าหมายที่โฟกัส หลักๆ คือฐานลูกค้าเดิมของบริษัท รวมถึงลูกค้าใหม่ๆ ที่ใช้ไลน์แอดอยู่แล้ว เท่าที่ทราบในประเทศไทยมีอยู่กว่า 4 แสนราย
ไลน์แอดจะมีประโยชน์อย่างมากกับกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจท้องถิ่นที่จะนำไปเป็นเครื่องมือสำหรับรักษาฐานลูกค้า ทำให้เกิดการซื้อซ้ำมากขึ้น

ส่วนของบริษัทยิ่งเข้าเสริมการให้บริการการตลาดออนไลน์สมบูรณ์มากขึ้น ในฐานะที่ต้องการเป็นผู้นำด้านการตลาดดิจิทัลสำหรับกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี
บริษัทเชื่อด้วยว่า ลูกค้าที่มาร่วมอบรมมีโอกาสกลายมาเป็นลูกค้าที่ใช้บริการการตลาดดิจิทัลอื่นๆ ของบริษัท ตั้งเป้าไว้ว่าแต่ละเดือนจะมีผู้สนใจเข้ามาไม่น้อยกว่า 150 ราย จากการจัดอบรมไป 3 ครั้งได้รับการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้า

ภาพรวมของเรดดี้แพลนเน็ตยังคงเป้าการเติบโตปี 2559 ไว้ 40-50% สัดส่วนจากธุรกิจเว็บไซต์ 30% โฆษณา 50% เทรนนิ่ง 5% และเอ็นเตอร์ไพรซ์ 15% การเพิ่มไลน์แอดเข้ามาน่าจะผลักดันให้รายได้กลุ่มเทรนนิ่งเติบโตได้มากขึ้น ด้านสัดส่วนลูกค้าเป็นเอสเอ็มอี 95% เอ็นเตอร์ไพรซ์ 5% รวมบริษัทมีฐานลูกค้า 1.6 หมื่นราย

ปัจจุบัน มีธุรกิจอีกจำนวนมากที่ยังไม่ใช้การตลาดออนไลน์ ฉะนั้นโอกาสการเติบโตมีอยู่สูงมากและขณะนี้บริษัทต่างชาติทั้งไลน์ กูเกิล เฟซบุ๊ค ต่างเข้ามาปักธงและหวังเข้ามาเจาะธุรกิจเอสเอ็มอีในไทย

พร้อมแนะว่า เอสเอ็มอีที่ใช้การตลาดดิจิทัลมีโอกาสเพิ่มยอดขายได้ถึง 30% การลงทุนให้ได้ผลเบื้องต้นรวมทุกเครื่องมือจะใช้งบประมาณการลงทุนประมาณ 15,000-30,000 บาทต่อเดือน ที่แนะนำควรทำอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 3-6 เดือน

ข้อมูลระบุว่า เอสเอ็มอีไทยมีทั้งหมด 2.89 ล้านราย คิดเป็น 99.8% ของวิสาหกิจทั้งหมด ทว่ามีเอสเอ็มอีเพียง 3 แสนรายที่มีเว็บไซต์


ขณะที่การใช้จ่ายโฆษณาผ่านสื่อดิจิทัลมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 2558 ที่มีมูลค่ารวมกว่า 8,084 ล้านบาท ปี 2559 มีคาดการณ์ไว้ว่าจะเติบโตได้ไม่น้อยกว่า 22% มูลค่า 9,883 ล้านบาท