“เอพี” ปรับแผนรุกตลาดแนวราบกลางบน

“เอพี” ปรับแผนรุกตลาดแนวราบกลางบน

“เอพี” ปรับแผนรุกตลาดแนวราบกลาง-บน กำลังซื้อสูง ซัพพลายน้อย ล่าสุดส่ง "บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ เอกมัย-รามอินทรา" เคาะราคา 25-36 ล้าน

นายภมร ประเสริฐสรรค์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดแนวราบในไตรมาส 4 คาดคึกคักมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของปี ผู้ประกอบการเร่งเปิดโครงการใหม่มากขึ้น เพื่อผลักดันยอดขายให้ได้ตาม ส่งผลกระตุ้นตลาดและความต้องการซื้อมากขึ้น ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจไทยเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย  ส่งผลต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีนี้ บริษัทเตรียมเปิดโครงการบ้านเดี่ยว  5 โครงการ มูลค่า 3,840  ล้านบาท เน้นไปที่โครงการระดับราคากลาง-บน ราคาขายโครงการทาวน์เฮาส์ตั้งแต่ 2-6 ล้านบาท และราคาขายของโครงการบ้านเดี่ยวตั้งแต่ 6-12 บาทขึ้นไป ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง และไม่มีความเสี่ยงจากการปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงิน โดยในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดตัวโครงการแนวราบไปแล้ว  8 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6,550 ล้านบาท

"แม้ว่าในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ จะเปิดโครงการของบริษัทอสังหาฯออกมามาก แต่เราไม่ได้กังวลมากกับการแข่งขัน เพราะจะเป็นผลดีในการช่วยกระตุ้นตลาด และความต้องการซื้อกลับมาเพิ่มขึ้น แต่เราต้องใช้การสร้างความแตกต่างทั้งในด้านการออกแบบ การวางพื้นที่ใช้สอย และการนำเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานกับในโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบัน และเป็นการสร้างความโดดเด่นให้กับโครงการ”    

ล่าสุดบริษัทได้เปิดโครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดระดับลักชัวรี่  "บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ เอกมัย-รามอินทรา" ตั้งอยู่บนถนนสุคนธสวัสดิ์ 19  ขนาดที่ดิน 32.3 ไร่ จำนวน 156 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,560 ล้านบาท แบ่งการพัฒนาเป็น 2 เฟส เฟสแรกพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 346-454 ตร.ม.  จำนวน 56 ยูนิต ราคาขาย 25-36 ล้านบาท และเฟสที่ 2 พัฒนาเป็นบ้านแฝด จำนวน 100 ยูนิต คาดว่าจะเปิดขายช่วงต้นปี 2560

“การที่เอพีบุกตลาดในเมือง 20 ล้านบาทขึ้นไป  มองเห็นโอกาสจากความต้องการกลุ่มนี้ที่ตั้งอยู่ในเมืองมีจำนวนดีมานด์สูงมาก ในขณะที่มีจำนวนโครงการแนวราบระดับบนที่ตั้งอยู่ในทำเลกลางเมืองมีเพียง 3-4 โครงการเท่านั้น ซึ่งยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ”