'ซีเอ็นทีเอ'ขึ้นบัญชีดำทัวร์จีน 3,500 ราย

'ซีเอ็นทีเอ'ขึ้นบัญชีดำทัวร์จีน 3,500 ราย

"กอบกาญจน์" เผย กระทรวงท่องเที่ยว เตรียมชงร่างความเข้าใจร่วม "ซีเอ็นทีเอ" เข้าครม.วันนี้ เผยขึ้นบัญชีดำทัวร์จีนแล้ว 3,500 ราย

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (20 ก.ย.) เตรียมนำร่างบันทึกลงนามความเข้าใจร่วม (เอ็มโอยู) ระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งชาติจีน (ซีเอ็นทีเอ)ให้ ครม.พิจารณา ซึ่งหากได้รับความเห็นชอบ ก็จะได้ดำเนินการลงนามร่วมกับซีเอ็นทีเอได้ ในวันที่ 21 ก.ย.นี้

ทั้งนี้ สาระสำคัญในการลงนามเอ็มโอยูครั้งนี้ จะว่าด้วยการกำกับดูแลความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวทั้งสองฝ่าย (ไทย-จีน) โดยมีรายละเอียดการทำงาน 3 ด้าน ได้แก่

การจัดตั้งกลไกด้านการสื่อสารและความร่วมมือผ่านตั้งคณะทำงานความร่วมมือ ไทย-จีน เพื่อควบคุมดูแลการท่องเที่ยว ,การสร้างกลไกความร่วมมือในการจัดทำโครงการด้านการท่องเที่ยวและการจัดการเมื่อเกิดเหตุร้าย และการสร้างกลไกประชาสัมพันธ์และฝึกอบรม รวมทั้งจัดการฝึกอบรมมัคคุเทศก์ หัวหน้าทัวร์เพื่อเพิ่มศักยภาพในการบรรยายภาษาจีน

ด้านนางสาววรรณสิริ โมรากุล อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า ได้รับคำยืนยันจากซีเอ็นทีเอว่า เห็นด้วยกับรัฐบาลไทยที่วางมาตรการการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ เพราะเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับแนวคิดของรัฐบาลจีนที่ดำเนินการก่อนหน้านี้ และจนถึงปัจจุบันมีการขึ้นบัญชีดำ (แบล็คลิสต์) บริษัทนำเที่ยวที่ทำธุรกิจไม่ถูกต้องและมีปัญหาด้านบริการคุณภาพแล้วกว่า 3,500 ราย ซึ่งรายชื่อดังกล่าวสามารถตรวจสอบได้ทางเว็บไซด์ และต่อไปเมื่อการตรวจสอบของไทยคืบหน้า ก็จะจัดทำเป็นบัญชีข้อมูลให้กับจีนทราบถึงบริษัทที่ดำเนินการอย่างไม่ถูกต้องเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม สำหรับความกังวลของบริษัทนำเที่ยวในขณะนี้ที่ต้องการให้กำหนด “กฎหมายราคาขั้นต่ำ” ออกมาให้เร็วที่สุด ในส่วนของกรมการท่องเที่ยวยอมรับว่าต้องใช้เวลาดำเนินการตามกรอบเวลา 120 วันหลังจากการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ไม่สามารถเร่งรัดได้ เนื่องจากต้องทำราคาขั้นต่ำครอบคลุมตลาดท่องเที่ยวทุกตลาด ไม่เฉพาะทัวร์จีนเท่านั้น จึงต้องรอบคอบในการดำเนินการ แต่เพื่อเป็นการบรรเทาความกังวลของผู้ประกอบการ ได้รับความร่วมมือจากสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ในการกำหนดราคาขั้นต่ำมาให้เป็นเกณฑ์อ้างอิงเฉพาะหน้าก่อน

ประกอบด้วย ค่าที่พัก, ยานพาหนะ เช่น ตั๋วเครื่องบิน, รถบัส, มัคคุเทศก์ และค่าเข้าชมการแสดงต่างๆ ซึ่งจะพยายามกำหนดออกมาให้ได้ก่อนจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดฉลองวันชาติจีนต้นเดือน ต.ค.นี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการที่กังวลกับการตั้งราคา มีแนวคิดที่ได้รับการรับรองเบื้องต้นจากกรมการท่องเที่ยวช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการไปติดต่อกับบริษัทนำเที่ยวในจีนได้

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเสวนาดังกล่าว บรรยากาศของผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวเต็มไปด้วยความตึงเครียด โดยสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน ออกแถลงการณ์ปัญหาของผู้ประกอบการ ซึ่งในข้อแรกระบุว่า กังวลกับกิจกรรมที่ผ่านมาที่เคยไปเช่ารถบัสของบริษัทโอเอ ทรานสปอร์ต(เครือข่ายบริษัทโอเอฯถูกจับกุมตั้งแต่ปลายเดือน ส.ค. และอายัติรถบัสมากกว่า 2,000คัน) และนำนักท่องเที่ยวเข้าไปใช้บริการร้านขายสินค้าต่างๆ ในเครือโอเอฯว่าจะถูกพ่วงความผิดไปด้วย เนื่องจากมีกระแสข่าวรายงานว่า ตำรวจท่องเที่ยวเตรียมเอาผิดกับ 386 บริษัทเครือข่ายศูนย์เหรียญด้วย

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวถึงประเด็นดังกล่าว โดยขอให้มั่นใจในการทำธุรกิจหากมีพื้นฐานการดำเนินงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย และการบังคับใช้กฎหมายต่อไปนี้จะไม่มีการจับผิด แต่จะจับกุมเฉพาะรายที่กระทำไม่ถูกต้องเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ในส่วนการดำเนินคดี จำเป็นต้องขยายผล โดยบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน, การเสียภาษี ตามขั้นตอนทางกฎหมาย ที่สำคัญคือ ต้องไม่เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว

ส่วนกรณีที่กระแสความกังวลที่เกิดขึ้น ทำให้บริษัทนำเที่ยวพากันชะลอการรับทัวร์จากจีนเข้ามาในขณะนี้เพราะเกรงกลัวความผิด พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ถึงแม้จะหยุดธุรกรรมต่างๆ ในช่วงนี้ แต่หากอดีตที่ผ่านมาบริษัทใดที่กระทำผิด ก็ต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

ด้านนายพงษ์ภาณุ เศวตรุณทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยอมรับว่า ขณะนี้เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านซึ่งอาจทำให้เกิดผลกระทบในเชิงธุรกิจบ้าง เช่น โรงแรม ร้านอาหารในพื้นที่กรุงเทพฯ และพัทยา รวมถึงจำนวนเที่ยวบินที่ลดลงจากราคาทัวร์สูงขึ้นตามมาตรการยกระดับมาตรฐานของนโยบายที่ส่งผลกระทบทำให้เกิดการชะลอการตัดสินใจ

ดังนั้น ต่อไปจึงจะตั้งคณะทำงานร่วมภาครัฐและเอกชน เพื่อดูแลราคาขายและการประกอบการให้เป็นไปตามนโยบายภาครัฐที่ว่าด้วยการห้ามขายทัวร์ต่ำกว่าราคาทุน หน่วยงานนี้จะประกอบด้วย ตัวแทนจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, ตำรวจท่องเที่ยว, สมาคม, และซีเอ็นทีเอจากจีนที่สามารถดูแลทั้งในประเทศไทยและจีนไปพร้อมๆ กัน

ส่วนความร่วมมือระหว่างรัฐต่อรัฐ กระทรวงท่องเที่ยวจะประสานกับ ซีเอ็นทีเอ จะช่วยกันขับเคลื่อนมาตรการด้านการตลาด เพื่อสร้างแบรนด์และราคาในการจดจำภาพลักษณ์ใหม่ของมาตรฐานทัวร์ไทย โดยการท่องเที่ยวร่วมกับสายการบินและโรงแรม พร้อมเอเย่นต์ทำแพกเกจทัวร์คุณภาพโดยใช้กลไกของกรมการท่องเที่ยวตราช้างชูงวงเข้ามาวางแผน กำกับมาตรฐานการบริการที่มีคุณภาพและราคาในวาระต่อไป