‘เทมเพิลตัน’ซื้อบิ๊กล็อตออริจิ้น

วานนี้ (16ก.ย.) มีการซื้อขายในกระดานรายใหญ่ (บิ๊กล็อต) หุ้นออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) จำนวน 25 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 10 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าซื้อขาย 250 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นปิดการซื้อขายที่ 10.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 4.90% มูลค่าการซื้อขาย 258 ล้านบาท 

นายพีระพงส์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ORI เปิดเผยว่า รายการบิ๊กล็อตดังกล่าว เป็นการเข้าซื้อโดยกองทุนเทมเพิลตัน ซึ่งเป็นกองทุนที่มีการลงทุนทั่วโลก โดยบริษัทได้พบกับกองทุนดังกล่าวเพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ เมื่อประมาณ 3 สัปดาห์ก่อน และกองทุนสนใจ จึงได้เข้าลงทุน ส่วนผู้ทำรายการขาย คือหนึ่งในผู้ถือหุ้นกลุ่มจรูญเอก ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นกลุ่มใหญ่ของบริษัท 

ภายหลังทำรายการครั้งนี้ กองทุนเทมเพิลตันจะเข้าถือหุ้นบริษัทประมาณ3.79% ส่วนกลุ่มจรูญเอกจะลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือประมาณ 67% อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่มีความกังวลเรื่องสภาพคล่องหุ้นจะน้อยเกินไป โดยเชื่อว่าการที่มีประเภทผู้ถือหุ้นที่หลากหลาย ทั้งผู้ก่อตั้ง กองทุนในประเทศ กองทุนต่างประเทศ และนักลงทุนทั่วไป จะทำให้สภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นมีเพิ่มขึ้น 

กองทุนเทมเพิลตันมีความสนใจเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น เช่นเดียวกับกองทุนต่างประเทศอื่นที่ได้รับฟังข้อมูลของบริษัทในงานไทยแลนด์ โฟกัส อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ยังไม่มีนโยบายลดสัดส่วนการถือหุ้นลงอีกในเร็วๆ นี้ 

“หุ้นที่กองทุนเทมเพิลตันสนใจลงทุนส่วนมากจะเป็นหุ้นที่มีการเติบโตสูง ก่อนหน้านี้ก็มีการลงทุนในหุ้นอสังหาริมทรัพย์ไทยหลายบริษัท การทำรายการครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทและกองทุนได้พบกันเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน ส่วนนโยบายการลงทุนของทุนเป็นการลงทุนระยะยาว และเชื่อว่าการเข้าถือหุ้นของกองทุนครั้งนี้ จะทำให้บริษัทได้รับความสนใจเพิ่ม”

เขากล่าวว่า บริษัทวางเป้าหมายยอดขายปีนี้ที่ 8.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับเป้าหมายขึ้นจากเดิมที่เคยกำหนดไว้ที่ 7.5 พันล้านบาท โดย 8 เดือนแรกปีนี้ มียอดขายแล้ว 5 พันล้านบาท จึงเชื่อว่ายอดขายปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมาย ขณะเดียวกัน บริษัทมีโครงการในมือที่รอรับรู้อยู่ราว 1 หมื่นล้านบาท 

ผลประกอบการงวด 6เดือนแรกปีนี้ มีรายได้ 1,020 ล้านบาท จากปี 2558 ทั้งปีที่มีรายได้รวม 2,055 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิ 6 เดือนแรกปีนี้ อยู่ที่ 161 ล้านบาท ส่วนทั้งปี2558 มีกำไรสุทธิ 368 ล้านบาท