ลุ้น'ซัมซุง'พลิกวิกฤติ สู่โอกาสรอบใหม่

ความเคลื่อนไหว “ซัมซุง” สมาร์ทโฟนเบอร์ 1 กับข้อผิดพลาดครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สมาร์ทโฟนโลกที่ยังต้องทำงานหนักเรียกความเชื่อมั่น
โดยล่าสุดยังประกาศให้ลูกค้าที่ได้เครื่อง ซัมซุง โน้ต 7 ไปครอบครอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าในต่างประเทศ นำเครื่องมาส่งคืน ซึ่งจะได้ค่าชดเชย พร้อมให้เลือกว่า จะรอ หรือไม่รอเครื่องล็อตใหม่ ซึ่งเครื่องล็อตใหม่ที่จะมีโลโก้ S กำกับเหนือบาร์โค้ดบนกล่อง
ขณะที่ ล่าสุดซัมซุง กำลังเตรียมเปิดเผยฐานข้อมูลรหัสเครื่อง (อีมี่) สัปดาห์หน้า เพื่อให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบด้วยตัวเอง ตามการพิมพ์เลขอีมี่ว่าเป็นเครื่องจากล็อตไหน
เร่งฟื้นความเชื่อมั่นตัวสินค้า
นายสืบศักดิ์ สืบภักดี นักวิจัยด้านโทรคมนาคม ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล่าวว่า การแก้ปัญหาของซัมซุงขณะนี้ เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพราะถือว่ามีผลต่อความเชื่อมั่นมาก โดยส่วนใหญ่เป็นกรณีที่เกิดในต่างประเทศ ในไทยยังมีเครื่องที่นำเข้ามาไม่มาก การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่ว่าจะเป็นการเรียกคืนเครื่อง หรือชดเชยค่าเสียหาย ถือว่าซัมซุงแก้สถานการณ์ได้ดี
ส่วนการผลิตล็อตใหม่ที่ซัมซุงกำลังดำเนินการนั้น คงต้องแก้ปัญหาในส่วนที่ทำให้เกิดระเบิด โดยเฉพาะแผงวงจรการชาร์จไฟ ซึ่งเป็นตัวปัญหาหลัก และล็อตใหม่ซัมซุงจะประทับตราโลโก้เป็นตัว S กำกับอยู่เหนือบาร์โค้ด เพื่อให้รู้ถึงแตกต่าง ตรงนี้ถือว่าซัมซุงกำลังจัดการกับปัญหาความไม่เชื่อมั่นของสินค้า
“แต่ที่น่าสนใจ คือ สินค้าที่จำหน่ายไปแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นตลาดในต่างประเทศ ซึ่งซัมซุงกำลังเรียกคืนเครื่อง แต่หากลูกค้าไม่เอาเครื่องไปคืนในระยะเวลาที่กำหนด เครื่องนั้นจะถูกล็อค ใช้งานไม่ได้ ถือว่าเป็นหนึ่งในความพยายามแก้ปัญหาเพื่อเรียกความเชื่อมั่นในตัวสินค้าคืนมา”
แผงควบคุมการชาร์จผิดปกติ
นายสืบศักดิ์ อธิบายว่า สาเหตุสำคัญของการระเบิดครั้งนี้ ตัวปัญหาไม่ใช่แบตเตอรี่ แต่เป็นแผงวงจรควบคุมการประจุกระแสไฟให้แบตเตอรี่ โดยเมื่อมีการส่งกระแสไฟชาร์จเข้าไปยังแบตเตอรี่จนเต็มแล้ว แผงวงจรนี้ต้องทำหน้าที่ตัดกระแสไฟ แต่กรณีนี้ไม่ตัดไฟ ทำให้เกิดความร้อนสูง แล้วเกิดระเบิดขึ้น เป็นการออกแบบแผงวงจรที่ผิดพลาด ขณะที่แบตเตอรี ลิเธียม โพลิเมอร์นั้น เป็นแบตฯ ที่ได้รับความนิยมอยู่ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ เกือบทุกรุ่น มีคุณสมบัติประจุไฟได้เร็ว น้ำหนักเบา
“ก่อนหน้านี้ ก็เคยเจอเคสลักษณะนี้ในสมาร์ทโฟนรายหนึ่ง คือ มีความผิดปกติที่แผงควบคุมเกิดระเบิด แต่ด้วยแบรนด์ยังไม่เป็นที่รู้จัก ก็เลยไม่เป็นข่าว”
อย่างไรก็ตาม ถือว่า ครั้งนี้นับเป็นครั้งร้ายแรงที่สุดของซัมซุง เป็นผลกระทบด้านความเชื่อมั่นในตัวสินค้า เพราะมือถือตระกูลโน้ตเป็นมือถือระดับเรือธง และการเปิดตัวทุกครั้งสร้างกระแส และดึงผู้ใช้จากทั่วโลกได้เสมอ
"ซัมซุง สั่งสมชื่อบนมือถือตระกูลโน้ตมาเรื่อยๆ จนแข็งแกร่ง และสำหรับโน้ต 7 มีเทคโนโลยีหลายอย่างที่ล้ำหน้า และโดนใจเป็นที่จับตาและต้องการของตลาด"
อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้นทำให้การขาดช่วงในการส่งมอบ จำหน่าย ขณะที่การแก้ไขในส่วนของหลังบ้านซัมซุง ก็มีความสำคัญควรต้องแก้ปัญหา โดยเฉพาะการแก้ไขวัสดุให้ปลอดภัย และไม่มีปัญหา
ส่วนการรับมือซัมซุงในไทย ซึ่งมีฐานแฟนคลับอยู่มากถือว่า ยังรับมือได้ดี ซึ่งข้อดี คือ ยังไม่ได้ส่งมอบเครื่องให้ลูกค้าไม่เช่นนั้นผลกระทบจะมีมากกว่านี้
"ในส่วนของภาคการบินที่ออกมาประกาศห้ามนั้นเป็นเรื่องปกติ เพราะต้องยอมรับว่าภาคการบินย่อมมีการประเมินความเสี่ยงไว้สูง และเป็นการประกาศในระดับสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติ สายการบินต่างๆ ต้องปฏิบัติตามอยู่แล้ว แต่ถ้าซัมซุงแก้ไข หรือดำเนินการที่ถูกต้องแล้ว ตรวจสอบได้มาตรฐานแล้ว สายการบินก็ควรถอดประกาศการห้ามนำขึ้นเครื่องเช่นกัน"
ชี้งานหนักซัมซุงฟื้นเชื่อมั่น
ด้านแหล่งข่าวในวงการสมาร์ทโฟนไทย ให้ความเห็นว่า กรณีของซัมซุงครั้งนี้นับว่าร้ายแรง และคาดว่าต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 3 เดือนในการเรียกความเชื่อมั่นคืนมา โดยเฉพาะในไทย แม้ว่ายังไม่ได้รับเครื่อง แต่คนไทยเป็นคนที่เชื่อฝังใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่งมาก ดังนั้นซัมซุงต้องทำงานหนักมากในการฟื้นความเชื่อมั่นรอบนี้ โดยเชื่อว่า น่าจะมีผลต่อยอดขายของซัมซุงไม่ต่ำกว่า 20-30%
ขณะที่ นายขจร เจียรนัยพานิชย์ ผู้ก่อตั้งเว็บ MacThai กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ซัมซุงโน้ต 7 มีคะแนนรีวิวที่ดีที่สุดในทุกรุ่นที่ผ่านมา รวมถึงคะแนนในเว็บที่ส่วนใหญ่จะเทคะแนนให้ไอโฟน แต่ครั้งนี้ก็ยังให้คะแนนซัมซุง โน้ต 7 เหนือกว่าไอโฟนด้วยซ้ำ
“สิ่งที่ยากที่สุด คือ การเรียกความเชื่อมั่นกลับมา ซึ่งหนนี้ผมว่าเป็นงานหนัก แต่ยังเชื่อมั่นทีมการตลาดของซัมซุง ที่ตอนนี้ยังเป็นช่วงไฟลามทุ่ง เชื่อว่า พอไฟเริ่มลด ซัมซุงน่าจะอัดฉีดเรียกความเชื่อมั่นคืน”
ด้านความเคลื่อนไหวไอโฟน 7 ยังมีกระแสดีต่อเนื่อง โดยเว็บไซต์ข่าวต่างประเทศ เผยแพร่ข่าวระบุว่า แอ๊ปเปิ้ลสั่งเพิ่มกำลังการผลิตทันที หลังมีข่าวแบตระเบิดของซัมซุง
ซัมซุงไทย‘ไฟต์’ลอตพิเศษขายก่อน
ขณะที่ ท่ามกลางกระแสหวั่นวิตกเกี่ยวกับความปลอดภัยการใช้งาน ล่าสุดมีรายงานข่าวว่า “ซัมซุงไทย” กำลังทำงานอย่างหนัก เพื่อขอสิทธิพิเศษเฉพาะตลาดไทยที่จะนำ “โน้ต 7” ล็อตใหม่เข้ามาขายภายในงานโมบาย เอ็กซ์โป ที่มีกำหนดจัด 29 ก.ย.ถึง 2 ต.ค.นี้
เนื่องจากก็ยังมีฐานแฟนคลับที่ยังเหนียวแน่นกับซัมซุง และตั้งใจซื้อโน้ต 7 ล็อตใหม่
บล็อกเกอร์ไทยรายหนึ่งเผยว่า มีโอกาสได้สัมผัสกับกาแล็กซี่ โน้ต 7 ในช่วงงานเปิดตัว และจากการรีวิวพบว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ครบเครื่องมากที่สุดตัวหนึ่งในบรรดาคนเล่นแอนดรอยด์ ประกอบกับนวัตกรรมที่ถือว่าโดดเด่นไม่ว่าจะกล้องกันน้ำลึก, เทคโนโลยีสแกนนิ้ว และม่านตา ตลอดจนการปรับปรุงคุณสมบัติของปากกา
“ในไทยยังไม่ขาย ในเชิงของผลกระทบจากแบตระเบิดอาจจะไม่มี แต่แบรนด์คงจะเสียไปสักพักแต่ส่วนตัวเชื่อว่าคนที่ตั้งใจจะซื้อโน้ต 7 ก่อนหน้านี้ก็คงจะซื้ออยู่ดี แค่รอให้ผลิตมาใหม่”
แงะไส้ดูสเปคโน้ต 7
สำหรับราคาเครื่องกาแล็กซี่ โน้ต 7 ในไทย ก่อนหน้านี้ ได้ประกาศราคาที่จะจำหน่ายอยู่ราว 28,900 บาท เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา พร้อมเปิดให้จองแบบ Pre-Booking ในวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา
ในส่วนของสเปคเครื่อง หน้าจอแสดงผลขนาด 5.7 นิ้ว ชิพเซ็ต พร้อมหน่วยความจำแรมขนาด 4 กิกะไบต์ หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง ขนาด 64 กิกะไบต์ รองรับไมโครเอสดี การ์ด สูงสุด 256 กิกะไบต์ กล้องด้านหน้า ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาดกว้าง F/1.7 กล้องด้านหลังแบบ Dual Pixel ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาดกว้าง F/1.7 รองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และเซ็นเซอร์สแกนม่านตา (Iris Scanner) แบตเตอรี่ขนาด 3500 แอมป์
จุดเด่นของ โน้ต 7 ตัวเครื่องกันน้ำ กันฝุ่น ตามมาตรฐาน IP68 ปากกา S Pen กันน้ำได้ รองรับแรงกดถึง 4,096 ระดับ มากกว่ารุ่นเดิมถึง 2 เท่า มี 4 สีให้เลือก ได้แก่ สีดำ, สีเงิน ,สีทอง และสีน้ำเงิน







