ไทยออยล์คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 5-9 ก.ย.59

ไทยออยล์คาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมัน 5-9 ก.ย.59

ราคาน้ำมันดิบยังคงถูกกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐที่อยู่ในระดับสูง และค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 44 - 48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 45 - 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (5 - 9 ก.ย. 59)

ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้คาดว่าจะเผชิญกับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันจะเริ่มปรับลดกำลังการผลิตลงในช่วงฤดูกาลปิดซ่อมบำรุง และปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงคลัง โดยเฉพาะน้ำมันเบนซินคงคลังที่ยังคงอยู่ในระดับค่อนข้างสูง นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น หลังตลาดกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ และตลาดแรงงานสหรัฐ ที่ยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือน ส.ค. ที่ออกมาในระดับแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ราคายังคงได้รับแรงหนุนจากการประชุมหารือระหว่างผู้ผลิตน้ำมันดิบในกลุ่มโอเปคและนอกกลุ่มโอเปคในช่วงปลายเดือนหน้า

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:

- ภาวะอุปทานน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปที่ล้นตลาดอยู่มากยังคงส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมันดิบต่อเนื่อง หลังปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ประจำสัปดาห์สิ้นสุด วันที่ 26 ส.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 523.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 923,000 บาร์เรล ในขณะที่ ปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังยังคงอยู่ในระดับค่อนข้างสูงจากปีก่อนหน้า โดยปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับลดลง 0.2 ล้านบาร์เรล และปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังปรับลดลงเพียง 0.7 ล้านบาร์เรล น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล

- ค่าเงินดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์และส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมันดิบ หลังจากถ้อยแถลงของนางเยเลน ประธาน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่มีขึ้นใน เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ที่ระบุว่า สภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ยังคงมีการขยายตัว โดยเฉพาะตลาดแรงงงานที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ประกอบกับ รองประธานเฟดที่ออกมากล่าวว่าในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันที่ 20 – 21 ก.ย. มีโอกาสสูงที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

- ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องใกล้ระดับต้นทุนการผลิตของผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐ ที่ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบปรับการขุดเจาะน้ำมันดิบขึ้นต่อเนื่อง จากรายงานล่าสุดของ Baker Hughes พบว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 26 ส.ค. อยู่ที่ 406 แท่น เพิ่มขึ้นกว่า 76 แท่นจากต้นเดือน ก.ค. โดยจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นกว่าสองในสามเป็นการขุดเจาะที่เพิ่มขึ้นมาจากแหล่ง Permian

- ความไม่แน่นอนในการร่วมมือระหว่างกลุ่มประเทศสมาชิกโอเปคและนอกกลุ่มโอเปคในการประชุมปลายเดือนนี้เพื่อหารือสถานการณ์ตลาดและมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดิบนั้น มีโอกาสสูงมากขึ้นว่ากลุ่มผู้ผลิตจะไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นดังกล่าว หลังซาอุดิอาระเบีย ผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ของกลุ่มโอเปค ออกมากล่าวว่า มาตรการดังกล่าวอาจไม่มีความจำเป็น เนื่องจากราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะอุปทานส่วนเกินที่ปรับลดลง นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปคยังคงปรับตัวสูงขึ้น จากผลสำรวจของ Reuters พบว่าในเดือน ส.ค. ปริมาณการผลิตอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากผู้ผลิตในกลุ่มตะวันออกกลาง นำโดย ซาอุดิอาระเบีย ยังคงเพิ่มปริมาณการผลิตให้อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง

- ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดค้าปลีกยูโรโซน จีดีพีไตรมาส 2/59 ยูโรโซน ดัชนีราคาผู้ผลิตและผู้บริโภคจีน และ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐ

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา ( 29 ส.ค. - 2 ก.ย. 59)

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลง 3.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 44.44 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สำหรับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ที่ปรับตัวลดลง 3.09 ดอลลาร์ ปิดที่ 46.83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากราคาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ หลังจากถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และรองประธานเฟด กล่าวว่ามีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ ในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ที่ยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่องและมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ค่อนข้างมาก อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในบริเวณอ่าวเม็กซิโกที่ปรับลดลง หลังมีการรายงานพายุดีเปรสชันในมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งส่งผลให้ผู้ผลิตหยุดกระบวนการผลิต

                                                        -----------------------------------------------------

ที่มา : บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.02-797-2999