'แสนสิริ' คงเป้ายอดขายคอนโดปีนี้ที่ 2.8 หมื่นลบ.

'แสนสิริ' คงเป้ายอดขายคอนโดปีนี้ที่ 2.8 หมื่นลบ.

"แสนสิริ"คงเป้ายอดขายคอนโดมิเนียมปีนี้ที่ 2.8 หมื่นลบ. เผย 7 เดือนแรกทำได้แล้ว 1.1 หมื่นลบ. มั่นใจเศรษฐกิจฟื้นดันความต้องการซื้ออสังหาฯเพิ่ม

นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจ และพัฒนาคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI กล่าวว่า บริษัทคงเป้าหมายยอดขายอยู่ที่ 28,000 ล้านบาท โดยในช่วง 7 เดือนสามารถทำได้แล้ว 40% หรือคิดเป็นมูลค่า 11,000 ล้านบาท

ส่วนเป้าหมายรายได้คงไว้ที่ 20,000 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีแรกทำไปได้แล้ว 11,000 ล้านบาท โดยบริษัทมียอดรอรับรู้รายได้ 30,000 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้ในปีนี้ 7,000 ล้านบาท และรับรู้จากโครงการใหม่ที่จะเปิดขายอีก 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะผลักดันให้เป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ โดยประเมินว่าช่วงที่เหลือของปีภาพรวมเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้่นต่อเนื่อง หลังจากหนี้สาธารณะเริ่มทยอยปรับตัวลดลง และคาดว่าธนาคารจะมีการประเมินการอนุมัติสินเชื่อดีขึ้น โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาฯ ได้มีการเปิดตัวโครงการน้อยลงพอสมควร แต่ขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวและมีจำนวนการเปิดโครงการมากขึ้น

ทั้งนี้ ในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทจะเปิดโครงการคอนโด 4 แห่ง คิดเป็นมูลค่า 22,800 ล้านบาท เป็นไปตามเป้าหมายทั้งปีที่วางไว้จะเปิดโครงการคอนโดฯ 11 แห่ง มูลค่ารวม 36,000 ล้านบาท

สำหรับโครงการล่าสุดที่เปิดตัว คือ เดอะ เบส การ์เด้นท์ พระราม 9 จำนวน 639 ยูนิต มูลค่า 2,280 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่ 5 ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง SIRI และ บีทีเอส กรุ๊ป ซึ่งจะเตรียมเปิดขายอย่างเป็นทางการ 4 ประเทศ 3-4 ก.ย. นี้ โดยวันที่ 3-4 ก.ย. นี้จะเปิดขายที่ฮ่องกง และ 10-11 ก.ย. นี้จะเปิดขายที่จีน สิงคโปร์ และไทย โดยคาดหวังว่าหลังการเปิดขายจะมียอดจองคิดเป็นกว่า 50%

โครงการดังกล่าวประเมินว่าจะขายให้กับต่างชาติประมาณ 20-25% หรือคิดเป็นมูลค่า 500-600 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนจากฮ่องกง ที่เข้ามาซื้อเพื่อปล่อยเช่า อย่างไรก็ตามขณะนี้ซัพพลายในทำเลรามคำแหงถือว่าค่อนข้างน้อย และคาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

ทั้งนี้ บริษัทมีสต็อกคอนโดเหลือขายจำนวน 2,000 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 6,000-7,000 ล้านบาท

นายอุทัย กล่าวว่า บริษัทมีกระแสเงินสดที่สามารถใช้ซื้อที่ดินเพิ่มเติมทั้งโครงการแนวราบและแนวสูง ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งในระยะต่อไปบริษัทมีแผนจะซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการคอนโด 3-4 แปลง บริเวณพื้นที่ในเมืองตามแนวรถไฟฟ้า รวมถึงที่ผ่านมาบริษัทได้ซื้อที่ดินในนามกับบริษัทร่วมทุนจำนวน 18 โครงการ