‘วิค’แชมป์หุ้นเทรดคึก โบรกชี้หุ้นกลาง-เล็กน่าสน

‘วิค’แชมป์หุ้นเทรดคึก โบรกชี้หุ้นกลาง-เล็กน่าสน

ปิดฉากตลาดหุ้น "เดือนสค.59" หุ้นไทยบวก 1.3% จากเดือนที่แล้ว ขณะที่หุ้นวิค แอนด์ ฮุคลันด์ ครองแชมป์ราคาร้อนแรงสุดของเดือน

เข้าสู่โค้งสุดท้ายของเดือน ส.ค. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยภาวะตลาดหุ้นไทยปรับฐานลงไปในช่วงสัปดาห์แรกของการซื้อขาย โดยลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,493.88 จุด ก่อนจะเด้งกลับมาเป็นบวกได้ในสัปดาห์ที่ 2 โดยดัชนีขึ้นมาเคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 1,540 – 1,550 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนราว 1.3%

โดยธุรกิจเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร เป็นกลุ่มที่เพิ่มขึ้นมากที่สุด 6.7% รองลงมาคือกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่มขึ้น 5.8% ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีเป็นกลุ่มเดียวที่ติดลบ 4.7%

สำหรับหุ้นที่ร้อนแรงที่สุดในเดือนนี้ คือ บริษัท วิค แอนด์ ฮุคลันด์ จำกัด (มหาชน) WIIK ซึ่งมีธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายท่อพลาสติก และขยายธุรกิจไปสู่การบริหารจัดการน้ำ โดยราคาหุ้นขึ้นมาทำจุดสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง ขึ้นไปแตะระดับ 5.55 บาท เมื่อ 29 ส.ค. ที่ผ่านมา คิดเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 76% ในรอบเดือน

ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นวิคน่าจะเป็นไปตามผลประกอบการครึ่งปีแรกที่กำไรสุทธิเติบโตถึง 110% จากปีก่อน โดยทำได้ 69.45 ล้านบาท พร้อมอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นเป็น 21.8% และ 11.3% จากปีก่อนที่ทำได้ 17.6% และ 6.6% ตามลำดับ

ขณะที่ธุรกิจบริหารจัดการน้ำประปาของโครงการสยามอีสเทิร์นอินดัสเตรียลพาร์ค เริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ 1 มิ.ย. 2559 เป็นระยะเวลา 20 ปี ซึ่งจะช่วยสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอให้กับบริษัท

ด้านบริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) SAPPE เป็นหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้ร้อนแรงในลำดับถัดมา โดยราคาหุ้นเพิ่มขึ้นราว 68% ในรอบเดือน ส.ค. นี้ ขึ้นมาอยู่ที่ราว 31.5 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุดในรอบ 1 ปี

ซึ่งการปรับตัวขึ้นของหุ้นเซ็ปเป้นี้อาจจะไม่ได้สอดคล้องกับผลกำไรครึ่งปีแรกที่เติบโตเพียง 7% อยู่ที่ 219.7 ล้าบาท แต่ปัจจัยหนุนสำคัญที่ดันราคาหุ้นเซ็ปเป้ขึ้นมาน่าจะเป็นแรงเก็งกำไรในประเด็นการซื้อกิจการเข้ามาเพิ่มเติม โดยล่าสุดคือการเข้าซื้อกิจการ ‘โคโคนัท แฟคทอรี่’ เพื่อขยายธุรกิจสู่ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มจากมะพร้าวแปรรูป

นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาเข้าลงทุนในธุรกิจอื่นนอกเหนือจากเครื่องดื่ม อย่างขนมขบเคี้ยวซึ่งเป็นธุรกิจที่มีความคุ้นเคยตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ทั้งนี้บริษัทคาดว่ารายได้รวมปีนี้จะเติบโต 15% จาก 2,556.12 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิดีขึ้นเป็น 15% จากปีก่อนที่ 11.7%

ส่วนหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้เกิน 50% ในช่วงเดือน ส.ค. นี้ นอกจาก วิค และ เซ็ปเป้ ยังมีอีก 5 บริษัท ได้แก่ สว่างเอ็กซ์ปอร์ต (SAWANG) เพิ่มขึ้น 61% ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) เพิ่มขึ้น 57% โออิชิ กรุ๊ป (OISHI) เพิ่มขึ้น 55% ยัวซ่าแบตเตอรี่ ประเทศไทย (YUASA) เพิ่มขึ้น 54% และยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล (UKEM) เพิ่มขึ้น 53% 

เผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาพตลาดหุ้นเดือน ก.ย. อาจซึมลงจากเดือนนี้ จากแรงขายทำกำไรบางส่วนหลังหุ้นขึ้นมาซื้อขายที่พีอี 16-17 เท่า ประกอบกับความกังวลเล็กน้อยต่อโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดช่วงเดือน ก.ย.

หุ้นไทยช่วงเดือน ก.ย. น่าจะเป็นภาพของการ sideway down แต่เชื่อว่าเงินทุนต่างชาติจะยังไม่ไหลออก เป็นเพียงการพักฐานอยู่ในกรอบ 1,535 - 1,570 จุด โดยหุ้นขนาดกลาง - เล็ก น่าจะยังโดดเด่น และเล่นรอบได้ดีกว่า ส่วนหุ้นใหญ่อย่างแบงก์และพลังงาน คาดว่าจะเคลื่อนไหวตามดัชนี โดยอาจจะสามารถเล่นเก็งกำไรได้ตามกรอบ”

ในขณะเดียวกันหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดในรอบเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มีมูลค่าสูงสุด 4.24 หมื่นล้านบาท แต่ราคาหุ้นกลับทรงตัวอยู่ที่ระดับ 197.50 บาท ส่วนหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายรองลงมาได้แก่ ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) มีมูลค่า 4.09 หมื่นล้านบาท ราคาหุ้น ลดลง 9.5% จากช่วงต้นเดือน ปิดที่ 7.6 บาท และแอดวานซ์ อินโฟว์ เซอร์วิส (ADVANC) มีมูลค่า 3.45 หมื่นล้านบาท ราคาหุ้น ลดลง 6.4% ปิดที่ 166.5 บาท