เจ้าของรถบัส ยันเอาผิดโชเฟอร์เต็มที่ หลังจับตัวได้แล้ว

เจ้าของรถบัส ยันเอาผิดโชเฟอร์เต็มที่ หลังจับตัวได้แล้ว

เสี่ยเจ้าของรถบัสสายร้อยเอ็ด-บุรีรัมย์ ยันเอาผิดโชเฟอร์เต็มที่ หลังจับตัวได้แล้ว คดีทุบศรีษะฆ่าชิงทรัพย์ผู้โดยสารหญิงดับคารถ

ความคืบหน้ากรณีที่นายวัชรินทร์ ประทุมพร อายุ 26 ปี คนขับรถโดยสารประจำทาง มินิบัส ของบริษัท ร้อยเอ็ดเฉลิมเกียรติสวัสดิ์ จำกัด สายร้อยเอ็ด-บุรีรัมย์ หมายเลขทะเบียน 10-4458 ร้อยเอ็ด ผู้ต้องหาก่อเหตุใช้ค้อนปอนด์ทุบศรีษะ นางบุญเพ็ง ปัญโญ อายุ 56 ปี

ผู้โดยสารที่นั่งมาในรถบัสคันดังกล่าว ระหว่างที่วิ่งออกนอกเส้นทางบริเวณถนนระหว่างหมู่บ้านดงบากไปบ้านเหล่าน้อย ต.นาสีนวล อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม เมื่อคืนวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา จนเหยื่ออาการสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ก่อนจะชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท และสร้อยข้อมืออีก 1 บาทหลบหนี

ล่าสุด ทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวโชเฟอร์โหดได้แล้วที่ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ซึ่งหลังจากนายสุพิศ วัตรสุนทร อายุ 38 ปี เจ้าของรถบัสคันเกิดเหตุ ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจวาปีปทุม ว่าสามารถจับกุมตัวนายวัชรินทร์ได้ ก็เตรียมเดินทางจาก จ.บุรีรัมย์ ไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พยัคฆภูมิพิสัย ท้องที่เกิดเหตุ เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมทั้งไปติดต่อเรื่องรถบัสคันที่นายวัชรินทร์ ใช้ก่อเหตุ ว่าจะสามารถนำรถออกมาได้ตอนไหนเพราะมีรถเพียงคันเดียวที่นำมาวิ่งร่วม ซึ่งหลังเกิดเหตุตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา ก็ต้องขาดรายได้จากการวิ่งรถบัสซึ่งถือเป็นรายได้หลัก

อย่างไรก็ตาม นายสุพิศหลังทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายวัชรินทร์ ได้แล้ว ก็รู้สึกคลายความกังวลจากที่ก่อนหน้านี้ต้องอยู่ในภาวะเครียดหนัก เพราะเกรงว่าคดีจะยืดเยื้อยาวนาน ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถนำรถออกไปวิ่งได้ แต่หลังจากจับกุมได้แล้วก็มั่นใจว่าคดีจะคลี่คลายโดยเร็ว ซึ่งตนก็จะสามารถนำรถออกมาประกอบอาชีพได้เร็วขึ้นด้วย พร้อมขอขอบคุณตำรวจที่สามารถติดตามจับกุมตัวได้โดยเร็ว

นายสุพิศ ยังกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องคดีก็ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมาย เพราะผู้กระทำผิดต้องได้รับโทษกับสิ่งที่กระทำ เพราะสิ่งที่นายวัชรินทร์ กระทำไม่ได้ส่งผลกับตัวนายวัชรินทร์ คนเดียว แต่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างกับผู้ประกอบอาชีพรถโดยสารสาธารณะ เพราะทำให้ผู้โดยสารขาดความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยที่จะใช้บริการรถโดยสารในการเดินทาง โดยเฉพาะตนเองนอกจากจะเสียค่าซ่อมบำรุงรถแล้ว หากนำออกมาวิ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีผู้โดยสารกลับมาใช้บริการเป็นปกติหรือไม่ จึงฝากวิงวอนผู้โดยสารหรือประชาชนเห็นใจ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำของตัวบุคคลอย่าเหมารวมทั้งหมด หลังจากนี้ก็จะตรวจสอบผู้ที่จะมาทำหน้าที่เป็นโชเฟอร์ให้รอบคอบกว่านี้ ส่วนตัวเองก็จะไม่ปล่อยให้คลาดสายตาเหมือนที่ผ่านมา

ส่วนเรื่องการช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต เบื้องต้นก็ได้มอบเงินช่วยเหลือแล้วจำนวนหนึ่ง ส่วนเรื่องประกันก็ต้องหารือกับทางบริษัทอีกครั้งหนึ่ง เพราะเท่าที่ทราบมีเพียงประกันอุบัติเหตุรวมเฉพาะเส้นทางวิ่ง แต่เหตุที่เกิด