ธปท.จี้‘เอสเอฟไอ’รับมือ 3ความท้าทายในอนาคต

ธปท.จี้‘เอสเอฟไอ’รับมือ 3ความท้าทายในอนาคต

“แบงก์ชาติ” มั่นใจ เอสเอฟไอ มีส่วนช่วยการเติบโตเศรษฐกิจ ระบุฐานะโดยรวมแกร่ง แต่อนาคตเสี่ยงเผชิญ3ความท้าทายสำคัญ จี้ผู้เกี่ยวข้องเตรียมรับมือ

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า สถานะของธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ (เอสเอฟไอ) โดยรวมถือว่าเข้มแข็ง สะท้อนจากภาพรวมเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่อยู่ระดับสูง อาจมีเพียง 1-2 แห่งเท่านั้น ที่อยู่ระหว่างฟื้นฟูกิจการ ส่วนรายที่เหลือยังสามารถทำกำไรได้ และสินเชื่อก็ยังโตต่อเนื่อง จึงมีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจไทยอย่างมาก

“เงินกองทุนของแบงก์รัฐถือว่าอยู่ในระดับดี เพียงพอต่อเอ็นพีแอล(หนี้เสีย) ที่อาจจะเกิดขึ้นได้บ้างในอนาคต แบงก์ชาติในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลเอสเอฟไอ เราต้องมีส่วนร่วมในการช่วยปิดจุดอ่อน และต้องทำให้แน่ใจว่า เอสเอฟไอที่ผ่านการฟื้นฟูกิจการ จะกลับมาทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หน้าที่สำคัญของเราคือต้องช่วยชี้ประเด็นและให้คำแนะนำ”

อย่างไรก็ตามในอนาคต เอสเอฟไอ อาจต้องเผชิญความท้าทายสำคัญ 3 ด้าน คือ 1.ความผันผวนในระบบเศรษฐกิจโลก 2.การพัฒนาของเทคโนโลยี ซึ่งเอื้อให้เกิดผู้ให้บริการรายใหม่ได้ง่ายขึ้น จึงมีแรงกดดันต่อการแข่งขัน

สุดท้าย คือ เรื่องกฎกติกาใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะกำกับดูแลของ ธปท. หรือกฎเกณฑ์กติกาใหม่ๆ จากการปฎิรูปรัฐวิสาหกิจ รวมถึงมาตรฐานทางบัญชีใหม่ๆ เอสเอฟไอต้องเตรียมความพร้อมทั้งด้านความรู้ ความเข้าในของเจ้าหน้าที่ ตลอดจนระบบงานทีเกี่ยวข้อง

นายวิรไท กล่าวว่า คงปฎิเสธไม่ได้ว่าอนาคต เอสเอฟไอ จะเริ่มมีบทบาทต่อภาคเศรษฐกิจขึ้นเรื่อยๆ เพราะที่ผ่านมาสินทรัพย์็เติบโตต่อเนื่อง ปัจจุบันมีรวมกว่า 5 ล้านล้านบาท คิดเป็น 25% ของระบบการเงินโดยรวม และมีสาขารวมเกือบ 2,500 แห่ง กระจายทั่วประเทศ โดยเฉพาะในต่างจังหวัด