"ไพรม”มาเลเซียรุกอสังหาไทย ตั้งเป้าบริหารการขาย1.5พันล.

"ไพรม”มาเลเซียรุกอสังหาไทย ตั้งเป้าบริหารการขาย1.5พันล.

“ไพรม” ที่ปรึกษาอสังหาฯ มาเลเซีย ลุยขยายธุรกิจในไทย รับเศรษฐกิจ-อสังหาฯ ขยายตัวสูงในอนาคต ระบุมีศักยภาพลงทุนอันดับ 1 ในเอเชีย

นายจัสติน ชิว ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไพรม อินเตอร์เนชั่นแนล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรและขายบ้านมือสอง ประเทศมาเลเซีย เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะรุกตลาดที่ปรึกษาด้านการขายและให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ในไทยมากขึ้น โดยจะตั้งสำนักงานและสาขา หลังจากเข้ามาให้บริการด้านการขายโครงการคอนโดมิกว่า 3ปี โดยช่วงที่ผ่านมาได้ดำเนินการขายโครงการให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ 3 รายหลัก คือ บริษัทท โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เมเจอร์ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) และโครงการ อัพ เอกมัย บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน)
บริษัทมองว่าตลาดสังหาฯ ไทยมีศักยภาพน่าลงทุนอันดับ 1 ในเอเชีย มีแนวโน้มการขยายตัวต่อเนื่อง ผู้พัฒนามีความเชี่ยวชาญผลิตโครงการคุณภาพ ลูกค้าระดับบนมีกำลังซื้อสูง และสนใจลงทุนในอสังหาฯในต่างประเทศ หรือครอบครัวที่ส่งลูกหลานไปเรียนต่างประเทศ อาทิ อังกฤษ ออสเตรเลีย อเมริกา และเซี่ยงไฮ้
“ไทยเป็นประเทศที่ 5 ที่เข้ามาเปิดสาขา เพราะเชื่อมั่นว่าตลาดอสังหาฯไทย มีแนวโน้มการขยายตัวที่ดี และเป็นที่ต้องการของชาวต่างชาติทั้งกลุ่มซื้อเพื่อลงทุนและอยู่อาศัย และในระยะยาวและหากมีโครงการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟสายสิงคโปร์-คุนหมิง โดยมีไทยเป็นศูนย์กลางจะทำให้ไทยเติบโตทางเศรษฐกิจได้อีกมาก”
ปัจจุบัน ไพรมมีสาขาในสิงคโปร์ จีน ฮ่องกง ดูไบ มีอสังหาฯที่บริหารการขายกับพันธมิตรทั่วโลก 62 ราย 13 1โครงการ มูลค่า 1.4 แสนล้านบาท
บริษัทตั้งเป้าปีนี้จะมีพอร์ตสินค้าอสังหาฯไทยเข้ามาใช้บริการบริหารการขาย 1,500 ล้านบาท และจะมีอัตราการขยายตัวของพอร์ตในอนาคตต่อปี 7-10% โดยจะเน้นเจาะกลุ่มคอนโดในพื้นที่ธุรกิจ
นายจัสติน กล่าวว่า แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจโลกจะยังชะลอตัวแต่ชาวต่างชาติก็ยังทยอยเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะชาวจีน และส่วนใหญ่ยังนิยมเข้ามาลงทุนในไทย และนิยมซื้อที่อยู่อาศัยใกล้แนวรถไฟฟ้าในระดับราคาตั้งแต่ 2-2.5 แสนบาทต่อตร.ม. แต่ถ้าหากเข้าไปลงทุนในสิงคโปร์ จะเน้นการซื้อที่อยู่อาศัยในย่านซีบีดีเท่านั้น
และอีก 2 ปี มีแผนะขยายสาขาไปกัมพูชา ไต้หวัน และ กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง
“กัมพูชา ขณะนี้ชาวสิงคโปร์และมาเลเซีย เริ่มเข้าไปลงทุนซื้ออสังหาฯมากขึ้นแล้ว เนื่องจากตลาดใหญ่ และยังมีโอกาสลงทุนอีกมาก สำหรับในไทยนั้นในอนาคตบริษัทฯก็มีแผนที่จะขยายสาขาไปตลาดต่างจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยว อาทิ เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา