“สมคิด”ขีดเส้น 2 สัปดาห์สรุปแผนพัฒนาที่ดินแนวรถไฟเร็วสูง

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมการใช้พื้นที่ตามแนวเขตทางโครงการพัฒนาภายใต้สังกัดกระทรวงคมนาคม โดยระบุว่า การประชุมครั้งนี้ได้ติดตามแผนงานพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณรอบสถานีรถไฟความเร็วสูงที่กระทรวงคมนาคมกำลังจะพัฒนาประกอบไปด้วย 4 เส้นทาง คือ เส้นทางกรุงเทพฯ – นครราชสีมา เส้นทางกรุงเทพฯ – เชียงใหม่ เส้นทางกรุงเทพฯ – หัวหิน และเส้นทางกรุงเทพฯ – ระยอง โดยแนวความคิดของรัฐบาลต้องการให้กระทรวงคมนาคมวางแผนงานให้ชัดเจนได้ว่าจะพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณสถานีใด และจะมีรูปแบบที่เป็นจุดขายอย่างไร

อีกทั้งต้องการให้เร่งรัดหาข้อสรุปของผลตอบแทนทางการเงินเพื่อเป็นแรงจูงใจให้แก้ภาคเอกชนด้วยว่าหากจะลงทุนเข้ามาพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีแล้วจะได้ผลตอบแทนอย่างไร และเมื่อได้ข้อสรุปก็จะเป็นผลให้กระทรวงคมนาคมสามารถร่างเอกสารประกวดราคา (ทีโออาร์) ให้ชัดเจนได้ ซึ่งหลังการหารือครั้งนี้ตนได้กำหนดเวลาดำเนินการหลังจากนี้ให้กระทรวงคมนาคมเร่งรัดประเด็นต่างๆ ให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อสรุปรายละเอียดเสนอไปยัง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้หน่วยงานต่างๆ มองโอกาสของการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ไม่เพียงพัฒนาโครงการรถไฟเพื่อจัดเก็บรายได้จากการเดินรถ แต่จะเป็นการพัฒนาพื้นที่เพื่อนำไปสู่การเพิ่มรายได้ และเป็นปัจจัยสำคัญของการพัฒนาเมืองเป็นประโยชน์ส่วนรวม

“ในการหารือทางกรมาทางหลวง (ทล.) ก็รายงานถึงพื้นที่ภายใต้การดูแลในเส้นทางรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ – ระยอง ซึ่งขณะนี้ก็น่าจะมีความพร้อมเริ่มพัฒนาได้ก่อน ซึ่งก็ได้สั่งการไปว่าให้ดูพื้นที่ของหน่วยงานรัฐฯ เป็นหลักก่อน มองการพัฒนาให้ชัดเจนว่าจะทำเป็นอะไร ไม่เพียงแต่มีพื้นที่แล้วพัฒนาเป็นร้านอาหารฟาส์ตฟู้ด แต่ต้องตอบโจทย์การใช้งานของประชาชนที่เดินทาง รวมไปถึงนักท่องเที่ยวต้องเห็นแล้วอยากจอดลงสถานีนั้นจริงๆ ดังนั้นโจทย์ใหม่ของการพัฒนาครั้งนี้คือต้องมองด้วยว่าพื้นที่ที่มีอยู่รอบสถานีจะต้องพัฒนาให้เป็นคอนเซ็ปต์ใหญ่ชัดเจน และเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วย”

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เส้นทางที่จะนำร่องดำเนินการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ได้ก่อนอันดับแรกจะเป็นเส้นทางรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ – ระยอง เนื่องจากสถานะโครงการปัจจุบันอยู่ระหว่างรอเข้าคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) ในวันที่ 5 ส.ค.นี้ และคาดว่าจะเสนอเข้าคณะกรรมการพีพีพีได้ภายในเดือน ส.ค. – ก.ย.นี้ อีกทั้งแผนงานข้างต้นของการพัฒนาสถานีในเส้นทางดังกล่าวยังค่อนข้างชัดเจน โดยเบื้องต้นจะพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ใน 4 – 5 สถานีหลัก อาทิ ลาดกระบัง ศรีราชา และระยอง เป็นต้น

“ส่วนใหญ่พื้นที่โดยรอบสถานีรถไฟจะเป็นที่ราชพัสดุอยู่แล้ว ดังนั้นโจทย์แรกคือจะต้องเร่งนำพื้นที่เหล่านั้นมาพัฒนาให้เป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์อย่างไร และต้องสรุปผลตอบแทนทางการเงินให้ได้เพื่อเปิดเอกชนเข้ามาร่วมทุน ซึ่งแนวทางก็จะมององค์ประกอบการธุรกิจอย่างเช่นโรงแรม ศูนย์การค้า และจะเปิดให้เอกชนเข้ามาพีพีพีเป็นรายสถานีไปเพื่อให้ง่ายต่อการบริหาร ในส่วนของเส้นทางรถไฟความเร็วสูงช่วงอื่นๆ ตอนนี้ก็จะทำแผนควบคู่ไปด้วยมีเส้นทางกรุงเทพฯ – หัวหิน ที่จะพัฒนาสถานีบ่อฝ้าย สถานีราชบุรี สถานีเพชรบุรี ส่วนเส้นทางกรุงเทพฯ – โคราช ก็จะพัฒนาบริเวณสถานีสระบุรี ปากช่อง และโคราช โดยแผนทั้งหมดนี้จะเสร็จภายใน 2 สัปดาห์”