ดาวโจนส์ปิดลบ 24.11 จุด

ดาวโจนส์ปิดลบ 24.11 จุด

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ดาวโจนส์ปิดลบ 24.11 จุด หลังสหรัฐเผยจีดีพีต่ำกว่าคาด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) หลังจากมีรายงานว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 2 ของสหรัฐขยายตัวในอัตราที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ดัชนี NASDAQ ปิดในแดนบวกเช่นกัน โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากบริษัทอัลฟาเบธ และอเมซอน เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,432.24 จุด ลดลง 24.11 จุด หรือ -0.13% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,162.13 จุด เพิ่มขึ้น 7.15 จุด หรือ +0.14% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,173.60 จุด เพิ่มขึ้น 3.54 จุด หรือ +0.16%

ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงทั้งสิ้น 0.7% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับลง 0.1% และดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 1.2%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดอ่อนแรงลง หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า จีดีพีเบื้องต้นประจำไตรมาส 2 ขยายตัวเพียง 1.2% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.6% โดยได้รับผลกระทบจากสต็อกสินค้าคงคลังที่ลดต่ำลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2011 นอกจากนี้ ทางกระทรวงยังได้ปรับลดการประมาณการตัวเลขจีดีพีในไตรมาสแรก สู่ระดับ 0.8% หลังจากรายงานก่อนหน้านี้ที่ประมาณการว่าขยายตัว 1.1%

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากบริษัทอเมซอน และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล อิงค์ เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยหุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 3.33% ขณะที่หุ้นอเมซอน ปรับตัวขึ้น 0.88%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของราคาน้ำมัน ซึ่งช่วยหนุนหุ้นบริษัทพลังงานรายใหญ่อย่างเชฟรอน ปรับตัวขึ้น 0.7% แม้ว่าเชฟรอนเปิดเผยตัวเลขขาดทุน 1.47 พันล้านดอลลาร์ หรือ 78 เซนต์/หุ้น ในไตรมาส 2 เทียบกับที่มีกำไรสุทธิ 571 ล้านดอลลาร์ หรือ 30 เซนต์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว