ไทยฮับนาฬิกาหรู เจาะนักช้อปไฮเอนด์ไทย-ทัวริสต์

ไทยฮับนาฬิกาหรู เจาะนักช้อปไฮเอนด์ไทย-ทัวริสต์

ผู้ค้าปลีก 2 ค่ายยักษ์ เซ็นทรัล และ สยามพารากอน เตรียมจัดอีเวนท์ใหญ่ประจำปี "วอทช์แฟร์" เดือน ส.ค.นี้ ดึงดูดนักช้อป นักท่องเที่ยว และนักสะสม

ปลุกบรรยากาศจับจ่ายช่วงเดือน ส.ค.ด้วยอีเวนท์ใหญ่ประจำปี "งานนาฬิกา" ของ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ "สยามพารากอน วอทช์ เอ็กซ์โป 2016" และ "เซ็นทรัล อินเตอร์เนชั่นแนล วอทซ์ แฟร์ 2016" ซึ่งค่ายหลังจะมีงานพรีเซลระหว่างวันที่ 8-22 ส.ค. ขายจริงวันที่ 23 ส.ค.-25 ก.ย.  ณ อีเวนท์ ฮอลล์ เซ็นทรัล ชิดลม โดยแต่ละแบรนด์ต่างนำคอลเลคชั่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวมาเป็นไฮไลท์ในงาน เพื่อกระตุ้นนักชอปทั้งกลุ่มนักสะสม และลูกค้าทั่วไป

ชนิสา แก้วเรือน รองกรรมการผู้จัดการ สายงานกิจกรรมการตลาดและธุรกิจสัมพันธ์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า ร่วมกับพันธมิตรผู้ทำตลาดและนำเข้านาฬิกาจัดงาน “สยามพารากอน วอทช์ เอ็กซ์โป 2016” ระหว่างวันที่25ก.ค.-15ส.ค.นี้ในคอนเซปต์“The Icon of Timepieces” โดยใช้งบประมาณกว่า 40 ล้านบาท ทำการตลาดเชิงรุกและรายการส่งเสริมการขายเจาะตรงกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ชาวไทย นักท่องเที่ยวทั้งในเอเชียและยุโรป โดยเฉพาะกลุ่มนักสะสม-นักลงทุน ซึ่งจะมีนาฬิกากว่า 3 หมื่นเรือน จาก180 แบรนด์ 

ปีนี้ ได้จับมือกับแบรนด์ ไบรทลิ่ง (Breitling) จัดแสดงคอลเลคชั่นใหม่ พานักสะสมและผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกาสู่โลกของไบรทลิ่งให้สัมผัสจิตวิญญาณแห่งการบินและนวัตกรรมนาฬิกาสวิสชั้นสูงใจกลางกรุงเทพฯ ด้วยการเนรมิตพาร์คพารากอนเป็นสนามบินย่อยนำเครื่องบินเจ็ทต้นแบบความยาว 12 เมตร มาจอดเป็นที่แรกและที่เดียวในเอเชียเพื่อสะท้อนภาพลักษณ์และสร้างความแปลกใหม่ ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาจับจ่ายเพิ่มขึ้น
โดยคาดหวังนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศแถบเอเชีย อาทิ จีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวจากแถบทวีปยุโรปจะเข้ามาใช้บริการ คาดมีเม็ดเงินสะพัดในงานครั้งนี้กว่า 350 ล้านบาท

จักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสบริหารสินค้า บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ผู้ผลิตและทำตลาดนาฬิการะดับโลกให้ความสนใจขยายตลาดในเอเชียมากขึ้น จากเดิมเน้นทำตลาดในยุโรปและสหรัฐ โดยมอง "ไทย" เป็นตลาดหลักในอาเซียน
"เริ่มมีการผลิตนาฬิกาตอบรับคนเอเชียมากขึ้น ทำให้สินค้ามีความหลากหลาย สอดคล้องนโยบายผู้นำเข้าที่กระตุ้นตลาดด้วยการนำเข้าคอลเลคชั่นใหม่มากขึ้นทำให้ยอดขายนาฬิกาเมืองไทยเติบโตสูงทั้้งกลุ่มผู้ใช้และนักสะสม"

ทั้งนี้ งานวอท์ช เอ็กซ์โป มีส่วนสำคัญในการผลักดันการเติบโตของตลาดนาฬิกาในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย ปัจจุบันตลาดนาฬิกาเมืองไทยมีมูลค่าประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท เป็นตลาดระดับไฮเอนด์และลักชัวรี 35% ตลาดมิดเอนด์ 35% อีก 30% เป็นกลุ่มแฟชั่นและเทรนด์ โดยตลาดมิดเอนด์ มีการเติบโตสูงสุด 15% เพราะมีความหลากหลายของแบรนด์ รุ่น และราคา

“ตลาดแฟชั่นค่อนข้างซึม โตน้อย ซึ่งหลายปีก่อนเคยโตมาก คนตัดสินใจซื้อช้าลง เทียบตลาดนักสะสม หรือกลุ่มไฮเอนด์ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ”

เจ้าของแบรนด์นาฬิกาต่างประเทศต่างมองศักยภาพตลาดนาฬิกาไทยมีโอกาสเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง จากนโยบายโครงสร้าง “ราคาเดียว” ทั่วโลก ทำให้ไม่มีความแตกต่างทางด้านราคามากนัก และไทยยังมีความได้เปรียบของการนำเสนอแคมเปญโปรโมชั่นในช่วงของการจัดงานนาฬิกาประจำปี ทำให้ลูกค้าได้ความคุ้มค่ามากขึ้น

นอกจากนี้ การขับเคลื่อนของสินค้าและบริการทุกแขนงต่างมุ่งหน้าสู่ตลาดเอเชีย โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แทนภูมิภาคยุโรปและสหรัฐที่เศรษฐกิจถดถอยและมีความผันผวนสูง “ไทย” ซึ่งเป็นศูนย์กลางอาเซียนและมีปริมาณนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจึงเป็นโอกาสสำคัญของการทำตลาดนาฬิกาในอนาคต

สำหรับสยามพารากอน วอทช์ เอ็กซ์โป นอกจากนาฬิการะดับเวิลด์คลาส ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุด ลิมิเต็ด อิดิชั่น นาฬิกาที่ได้รับความนิยมและน่าจับตามองในปีนี้ คือ นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ หรือนาฬิกาอัจฉริยะ มีการเติบโตของยอดจำหน่ายสูงสุดในภาพรวมของตลาดนาฬิกาโลก เนื่องจากราคาไม่สูงจับต้องได้ มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่เข้าถึงได้ง่าย

ภายในงานยังมีนิทรรศการสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากเหล่าแบรนด์นาฬิกาชั้นนำระดับโลก ที่รับประกันได้ว่าจะเป็นประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับคนไทย โดยนำเอาคอนเซ็ปต์การจัดนิทรรศการที่งาน Basel World 2016 มาจัดแสดงภายในงาน ประกอบด้วย แกรนด์ ไซโก้ (Grand Seiko) กับนิทรรศการ Grand Seiko Avant-Garde Exhibition ที่เชื่อมโยงศิลปะและพลังวิเศษแห่งการสร้างสรรค์ ที่ได้นำเอาคอนเซ็ปต์นิทรรศการเดียวกันกับที่จัดขึ้นในงาน BASEL WORLD 2016 ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มาจัดแสดงกับภาพถ่ายโดย 2 ช่างภาพร่วมสมัยชื่อดังชาวญี่ปุ่น Mr. Daido Moriyamo และ Mr. Nobuyashi Araki ที่กลายเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ศิลปะแห่งเครื่องบอกเวลา รุ่น Black Ceramic และ กุชชี่ (GUCCI) จัดงานนิทรรศการยิ่งใหญ่แห่งปี Travelling Exhibit

นับเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ Gucci Timepiece จะเปิดคลังมหาสมบัติแห่งงานศิลป์อันทรงคุณค่า “Cabinet of Curiosity” โชว์ความหรูหราของทุกคอลเลคชั่นในเมืองไทยและสะท้อนถึงภาพลักษณ์ใหม่ของแบรนด์ ภายใต้การสร้างสรรค์ของ Creative Director คนใหม่ อเลสซานโดร มิเคเล่ ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก โดยนิทรรศการจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 25 ก.ค.- 15 ส.ค. บริเวณฮอลล์ ออฟ เฟม สยามพารากอน

สำหรับนาฬิกาที่ได้รับความนิยมและน่าจับตามองในปีนี้ คือ นาฬิกาสมาร์ทวอทช์ หรือนาฬิกาอัจฉริยะ ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากทั่วโลกและมีการเติบโตของยอดจำหน่ายสูงสุดในภาพรวมของตลาดนาฬิกาโลก เนื่องจากราคาไม่สูงสามารถจับต้องได้ และเป็นนาฬิกาที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย โดยนาฬิกาสมาร์ทวอทช์มีความสามารถพิเศษมากกว่าการบอกเวลา และมีความสามารถในหลายๆ ด้าน นอกจากนี้ ผู้ผลิตนาฬิกาชั้นนำหลายแบรนด์ได้นำนาฬิการุ่นคลาสสิคที่เคยได้รับความนิยมในอดีต และรุ่นยอดนิยมมาผลิตอีกครั้ง เพื่อให้นักสะสมได้เลือกสรรในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่ายมากขึ้น ส่วนวัสดุที่ได้รับความนิยมในปีนี้เป็น สตีล และไทเทเนียม โดยสีที่มาแรง คือ สีฟ้า สีเขียว สีเยลโล่โกลด์ และสีโรสโกลด์

ยูกิ ศรีกาญจนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพนดูลัม จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายนาฬิกา แฟรงค์มูเลอร์ ลองจิ้น ไบรท์ลิ่ง กล่าวว่า ตลาดนาฬิการะดับลักชัวรีในเมืองไทย มีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก

"บริษัทผู้ผลิตนาฬิกาแบรนด์ระดับโลกสนใจและแสดงตัวที่จะเข้ามาเปิดบูติกในสยามพารากอน รองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ขณะที่กลุ่มนักสะสมยังเป็นกลุ่มที่แข็งแรง มีการซื้ออย่างสม่ำเสมอ”

ศาศวัต ตัณมานะศิริ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที เอส แอล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ แทคฮอยเออร์ กล่าวว่า ภาพรวมของบริษัทในครึ่งปีแรกเติบโตเกือบ 10% ถือว่าดีกว่าปีก่อน

"ปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวังคือเรื่องของการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ วันที่ 7 ส.ค.นี้ อาจส่งผลกระทบต่อตลาดทุนและหุ้น ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนหรือซื้อสินค้าเพื่อถือเงินสดแทน"

อย่างไรก็ตาม บริษัทมุ่งทำการตลาดเชิงรุกต่อเนื่องโดยนำเข้านาฬิกาคอลเลคชั่นใหม่ ระดับราคา 4 หมื่นบาททำตลาดมากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าระดับกลาง รวมทั้งการนำเข้าแบรนด์ใหม่ Bemberg นาฬิกาข้อมือที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นนาฬิกาพกได้ มั่นใจว่าจะเป็นแบรนด์หัวหอกผลักดันยอดขายรวมปีนี้เติบโต 15-20%