ก.ล.ต.สั่งปรับ 'สาคร สุขศรีวงศ์' ฐานอินไซด์

ก.ล.ต.สั่งปรับ 'สาคร สุขศรีวงศ์' ฐานอินไซด์

"ก.ล.ต." สั่งปรับ "สาคร สุขศรีวงศ์" ชักชวนบุคคลอื่นซื้อหุ้น BSEC และ 4 ผู้บริหาร TIP ข้อหาอินไซด์ข้อมูล

ก.ล.ต. เผยคณะกรรมการเปรียบเทียบมีคำสั่งเปรียบเทียบ นายสาคร สุขศรีวงศ์ กรณีชักชวนให้บุคคลอื่นซื้อหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ บีฟิท จำกัด (มหาชน) (BSEC) เป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท และมีคำสั่งเปรียบเทียบผู้กระทำผิด 4 ราย 1) นายสมพร เป็นเงิน 612,500 บาท 2) บมจ. ไทยศรีประกันภัย เป็นเงิน 703,487.50 บาท 3) นายนที เป็นเงิน 500,000 บาท และ 4) นายกีรติ เป็นเงิน 6,802,843.75 บาท รวมเป็นค่าปรับทั้งสิ้น 8,618,831.25 บาท กรณีอาศัยข้อมูลภายในขายหุ้น บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) (TIP) เป็นค่าปรับรวม 8,618,831.25 บาท

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับแจ้งจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า นายสาคร สุขศรีวงศ์ ชักชวนให้บุคคลอื่นซื้อหุ้น BSEC* โดยอาศัยข้อเท็จจริงที่ล่วงรู้เกี่ยวกับกรณีที่ OSK Investment Bank Berhad (OSKIB) ประเทศมาเลเซีย สนใจจะซื้อหุ้น BSEC จากบริษัทเงินทุนกรุงเทพธนาทร จำกัด (มหาชน) (BFIT) ในราคาสูงกว่าราคาตลาดขณะนั้น

ข้อเท็จจริงข้างต้นเป็นสาระสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น BSEC เนื่องจาก BFIT เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ร้อยละ 48.85 และจะส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ BSEC โดย OSKIB จะต้องทำคำเสนอซื้อหุ้น BSEC ในส่วนที่เหลือทั้งหมดเป็นการทั่วไป (tender offer) ซึ่งในกรณีนี้จะสูงกว่าราคาตลาด

ข้อมูลการตกลงดังกล่าวเป็นข้อมูลที่นายสาครรู้มาเนื่องจากขณะเกิดเหตุนายสาครดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการของ BSEC และประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการของ BFIT แล้วชักชวนให้บุคคลอื่นซื้อหุ้น BSEC ระหว่างวันที่ 23 ธันวาคม 2553 ถึงวันที่ 6 มกราคม 2554 ก่อนที่จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อบุคคลทั่วไปในวันที่ 18 มกราคม 2554

การกระทำของนายสาครเป็นการเอาเปรียบบุคคลภายนอก เป็นความผิดตามมาตรา 241 ต้องระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 คณะกรรมการเปรียบเทียบจึงมีคำสั่งเปรียบเทียบนายสาครโดยให้ชำระค่าปรับทางอาญาเท่ากับขั้นต่ำของระวางโทษ เป็นเงิน 500,000 บาท

อนึ่ง การดำเนินคดีนี้ ก.ล.ต. ได้รับความช่วยเหลือจาก Securities Commission Malaysia ในการตรวจสอบรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานอันเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การดำเนินคดีนี้ประสบความสำเร็จ

อย่างไรก็ตามหุ้น BSEC ได้ถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้วเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2556

นอกจากนี้ยัง ได้รับแจ้งจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม 2555 ถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2555 ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TIP อาศัยข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้น TIP ที่ยังมิได้เปิดเผยต่อประชาชนเกี่ยวกับกรณีที่ TIP มีเหตุจำเป็นต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 250 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่มีแนวโน้มจะลดลงต่ำกว่าสัดส่วนที่กฎหมายประกันภัยกำหนด โดยขายหุ้นเพื่อหลีกเลี่ยงผลขาดทุนจากการลดลงของราคาหุ้น หลัง TIP เปิดเผยข้อมูลนี้ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2555 เวลา 20.54 น.

นายสมพร ล่วงรู้ข้อมูลภายในเนื่องจากเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ TIP ได้ขายหุ้น TIP ในวันที่ 28 สิงหาคม 2555 และวันที่ 2 ตุลาคม 2555 รวมจำนวน 70,000 หุ้น

นายนที พานิชชีวะ ล่วงรู้ข้อมูลภายในเนื่องจากเป็นกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไทยศรีประกันภัย ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TIP (ขณะเกิดเหตุถือหุ้นร้อยละ 5.49) ซึ่งนายนทีได้สั่งให้มีการขายหุ้น TIP ในบัญชี บมจ. ไทยศรีประกันภัยระหว่างวันที่ 13-28 กันยายน 2555 และระหว่างวันที่ 17-25 ตุลาคม 2555 รวมจำนวน 1,561,600 หุ้น

ส่วนนายกีรติ ได้ล่วงรู้ข้อมูลภายในข้างต้น เนื่องจากเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทผู้ถือหุ้นรายใหญ่รายหนึ่งของ TIP โดยนายกีรติได้ขายหุ้น TIP ในบัญชีส่วนตัว ระหว่างวันที่ 3-26 ตุลาคม 2555 รวมจำนวน 576,000 หุ้น

การกระทำของนายสมพร บมจ. ไทยศรีประกันภัย นายนที และนายกีรติ เป็นความผิดตามมาตรา 241ซึ่งมีระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535

ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 4 ราย ยินยอมเข้ารับการเปรียบเทียบทางอาญา คณะกรรมการเปรียบเทียบจึงได้เปรียบเทียบ 1) นายสมพร เป็นเงิน 612,500 บาท 2) บมจ. ไทยศรีประกันภัย เป็นเงิน 703,487.50 บาท 3) นายนที เป็นเงิน 500,000 บาท และ 4) นายกีรติ เป็นเงิน 6,802,843.75 บาท รวมเป็นค่าปรับทั้งสิ้น 8,618,831.25 บาท