ปูนกลางกำไรครึ่งปีกว่า2.5พันล้าน-ปันผล8บาท

ปูนกลางกำไรครึ่งปีกว่า2.5พันล้าน-ปันผล8บาท

“ปูนซีเมนต์นครหลวง” หรือปูนกลางเผยครึ่งแรกปีนี้โชว์กำไร 2,581 ล้าน พร้อมปันผลงวดครึ่งปี 8 บาท

นายศิวะ มหาสันทนะ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปูนซีเมนต์ นครหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2559 ว่า บริษัทสามารถรักษาอัตรา กำไรขั้นต้นไว้ที่ 45% และยังคงอัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนหักภาษีเงินได้ ดอกเบี้ย ค่าใช้จ่าย ทางการเงิน ค่าเสื่อมราคา และรายจ่ายตัดบัญชีไว้กว่าร้อยละ 26 แม้จะอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่มีการแข่งขันสูง และภาวะสินค้าล้นตลาด ที่ส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วนในอุตสาหกรรมก่อสร้างรวมถึงราคาของวัสดุก่อสร้าง

“บริษัทสามารถลดต้นทุนการดำเนินงานผ่านโครงการต่างๆ ด้วยการบริหารจัดการโรงงาน การเพิ่มประสิทธิภาพ ในกระบวนการผลิต การเพิ่มความสามารถในการต่อรองราคาวัตถุดิบ พร้อมกันนี้ บริษัท ยังได้รับประโยชน์ จากราคาถ่านหินและราคาค่าไฟฟ้าที่ลดลง ส่งผลให้ธุรกิจซีเมนต์ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก มีต้นทุนราคาพลังงานที่ลดลง"

นอกจากนั้นบริษัทยังประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการ 3 แห่ง เพื่อเพิ่มช่องทางของรายได้ ได้แก่ บริษัท เซเม็กซ์ ซีเมนต์ (บังกลาเทศ) จำกัด เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท สยามซิตี้ซีเมนต์ (บังกลาเทศ) จำกัด บริษัท เซเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ปูนซีเมนต์ ตราลูกโลก จำกัด และการเข้าซื้อสินทรัพย์ และกิจการบางส่วนของบริษัท วาเลนซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจให้บริการทำความสะอาด สำหรับอุตสาหกรรม ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ บริษัทฯ สามารถทำยอดขายสุทธิที่16,043 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิ 2,581 ล้านบาท และสามารถจ่ายปันผลระหว่างกาลสําหรับ 6 เดือนแรกประจําปี 2559 ให้แก่ผู้ถือหุ้น เป็นจำนวนเงิน 8 บาท ต่อหุ้นรวมเป็นเงินจํานวน 1,840 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการของบริษัทในรายธุรกิจขยายตัวต่อเนื่อง โดยธุรกิจปูนซีเมนต์ ขยายตัวในระดับภูมิภาคจากแผนส่งเสริมการขยายธุรกิจโรงงานปูนซีเมนต์ ที่บริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัทใน กัมพูชา ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง และคาดจะแล้วเสร็จตรงตามกำหนดเวลา 

รวมทั้งความสำเร็จจากการเข้าซื้อกิจการบริษัท เซเม็กซ์ ซีเมนต์ (บังกลาเทศ) จำกัด และบริษัท เซเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ส่งผลให้รายได้สุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้นทันที 260 ล้านบาท ส่วนธุรกิจคอนกรีต ผสมเสร็จและอะกรีเกต ซึ่งดำเนินงาน โดยบริษัทนครหลวงคอนกรีต จำกัด ภายใต้ชื่อ อินทรีคอนกรีต และอินทรีอะกรีเกต นั้น มีปริมาณการขายของ อินทรีคอนกรีตเพิ่มขึ้น 1% แม้รายได้จะลดลงเล็กน้อย ซึ่งมีผลกระทบส่วนใหญ่มาจากความกดดันด้านราคาในตลาด 

โดยเฉพาะผู้เล่นในตลาดคอนกรีตผสมเสร็จ ที่ลดราคาลง โดยมีจุดประสงค์เพื่อปิดการขาย อินทรีอะกรีเกต มีการขยายตัวด้านปริมาณการขายเพิ่มขึ้น 11% ส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยได้รับอานิสงส์จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของหินขนาดใหญ่ (ขนาด 20-40 มิลลิเมตรและ 50-80 มิลลิเมตร) จากโครงการก่อสร้างระบบป้องกนท่วมของกรมโยธาธิการและผังเมืองซึ่งอยู่ในเขตภาคกลางเป็นส่วนใหญ่

ด้านผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบา ซึ่งจำหน่ายภายใต้ชื่อ อินทรีซุปเปอร์บล๊อก และดำเนินงานโดย บริษัท อินทรีซุปเปอร์บล๊อกจำกัด มียอดขายของเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน เพราะการมุ่งเน้น การขายไปที่สินค้าที่มีมูลค่าสูง เช่น ทับหลังสำเร็จรูปและผนังสำเร็จรูปเสริมแรงที่มีน้ำหนักเบา การแนะนำ อินทรีซุปเปอร์บล๊อกพลัส และการเจาะตลาดผ่านการขายควบคู่ไปกับปูนซีเมนต์ ปูนมอร์ตาร์ และคอนกรีต ผสมเสร็จ 

บริษัทยังคงจัดลำดับความสำคัญกับสินค้าที่มีมูลค่าสูง เช่น ทับหลังสำเร็จรูป และ ผนังสำเร็จรูปเสริมแรงที่มีน้ำหนักเบา เคาน์เตอร์ และบริษัทฯ ยังมองหาโอกาสทางธุรกิจในตลาดตกแต่งอีกด้วย 

สำหรับภาพรวมของอุตสาหกรรมก่อสร้างปีนี้ยังคงทรงตัว เพราะการก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภค ขนาดใหญ่ของรัฐบาลยังคงมีความไม่แน่นอน ขณะที่การลงทุนจากภาคเอกชนยังคงเติบโตต่อเนื่อง ข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมบ่งชี้ว่า ตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศมีการเติบโตที่ 18 ล้านตัน ในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว และจะยังคงทรงตัวในช่วงครึ่งปีหลัง

"คาดการใช้ปูนซีเมนต์ทั้งปีนี้เติบโต 2-3% ซึ่งการเติบโตส่วนใหญ่ มาจากการกำลังซื้อในภูมิภาค ส่วนการลงทุนของรัฐบาลยังไม่ได้กระตุ้นความต้องการปริมาณการใช้คอนกรีตในครึ่งปีแรกปีนี้ เท่าที่คาดการณ์ไว้ มีเพียงโครงการมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบลในโครงการต่างจังหวัด (5 ล้านบาทต่อตำบล) ที่สามารถกระตุ้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในช่วงเดือนม.ค.-ต้นเดือนเม.ย. และยังส่งผลเชิงบวกต่อยอดขายคอนกรีตผสมเสร็จ โดยเฉพาะวัสดุสำหรับใช้ถม"